การมีส่วนร่วมของศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชนในการเฝ้าระวังความรุนแรงในครอบครัวจังหวัดปทุมธานี
คำสำคัญ:
ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน; การมีส่วนร่วม; การเฝ้าระวังความรุนแรงในครอบครัว; จังหวัดปทุมธานีบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมของคณะทำงานศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชนต่อการเฝ้าระวังความรุนแรงในครอบครัว จังหวัดปทุมธานี เพื่อศึกษาเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของคณะทำงานศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน จำแนกตามปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคล และเพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังความรุนแรงในครอบครัวของคณะทำงานศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน จังหวัดปทุมธานี กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา คือ คณะทำงานศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน จังหวัดปทุมธานี จำนวน 255คน ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ทดสอบสมมติฐานด้วยการทดสอบแบบที การวิเคราะห์ความแปรปรวน หาความแตกต่างรายคู่ด้วยวิธีการของเชฟเฟ่ และหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรด้วยสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน กำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ผลการศึกษาพบว่า คณะทำงานศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังความรุนแรงในครอบครัวอยู่ในระดับมาก มีการรับรู้บทบาทหน้าที่และการเฝ้าระวังความรุนแรงในครอบครัวในระดับมาก รวมถึงมีความคิดเห็นต่อแนวคิดความรุนแรงในครอบครัวในระดับมาก ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า การรับรู้บทบาทหน้าที่และการเฝ้าระวังความรุนแรงในครอบครัวมีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมของคณะทำงานศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชนในการเฝ้าระวังความรุนแรงในครอบครัว อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05นอกจากนี้ ความคิดเห็นต่อแนวคิดความรุนแรงในครอบครัวยังมีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมของคณะทำงานศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชนในการเฝ้าระวังความรุนแรงในครอบครัว อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงสาธารณสุข. กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. (2553). สำนักพัฒนาระบบบริการสุขภาพ. รายงานผลการวิเคราะห์ข้อมูลของศูนย์พึ่งได้ปี 2547 – 2553. กรุงเทพมหานคร: บริษัทนิวธรรมดาการพิมพ์ (ประเทศไทย) จำกัด,
ขวัญเนตรคาวีวงษ์. (2552). “การมีส่วนร่วมเฝ้าระวังทางสังคมเพื่อป้องกันการหนีเรียนของนักเรียนวัยรุ่นในเขตพื้นที่การศึกษา2อาเภอปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรี”. ปริญญาสังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต.สาขาบริหารและนโยบายสวัสดิการสังคม. คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์:มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ไชยาเรืองดี. (2550). “บทบาทพระธรรมวิทยากรต่อการเฝ้าระวังปัญหาเยาวชน”. ปริญญาสังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต. สาขาบริหารและนโยบายสวัสดิการสังคม. คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์:มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ลักษณ์นาราจรัณยานนท์. (2549). “การใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวในชุมชนแออัดเขตกรุงเทพมหานคร”. ปริญญาสังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต.สาขาการบริหารและนโยบายสวัสดิการสังคม. คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์:มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
สถาบันวิจัยและพัฒนามหาวิทยาลัยรามคาแหง. (2553). รายงานฉบับสมบูรณ์ “กระบวนการพัฒนาเครือข่ายสภาเด็กและเยาวชนอย่างมีส่วนร่วม”. มปท.
สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปทุมธานี. (2555). พื้นที่จัดตั้งศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชนแยกรายอาเภอ. (อัดสาเนา).
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี. (2554). สรุปจากแบบรายงานการให้บริการของศูนย์พึ่งได้ของโรงพยาบาลปทุมธานี. (อัดสาเนา).
สุชาติ ประสิทธิ์รัฐสินธุ์. (2544). ระเบียบวิธีการวิจัยทางสังคมศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 11. กรุงเทพมหานคร: บริษัท เฟื่องฟ้า จำกัด,
อมรรัตน์ศรีฉ่า. 2552. “ความคิดเห็นของนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตบางเขนต่อพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวพ.ศ.2550”. ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต. สาขาพัฒนาสังคม. บัณฑิตวิทยาลัย:มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2020 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น

