การสื่อสารทางการเมืองเพื่อสถานะภิกษุณีในประเทศไทย: ศึกษากรณีภิกษุณีธัมมนันทา

ผู้แต่ง

  • อภิญญา ฉัตรช่อฟ้า ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก
  • นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก

คำสำคัญ:

กระบวนการสื่อสารทางการเมือง, สถานะภิกษุณี

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาบริบททางการเมืองที่มีผลต่อการสื่อสารทางการเมืองเรื่องสถานะภิกษุณีในประเทศไทย 2) เพื่อศึกษากระบวนการสื่อสารทางการเมืองของภิกษุณีธัมมนันทาในการต่อสู้เพื่อสถานะภิกษุณีในประเทศไทย

            การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยในเชิงคุณภาพ โดยมีการอธิบายและนำทฤษฎีการสื่อสารของเดวิด เค เบอร์โล (David K. Berlo) ทฤษฎีการสื่อสารทางการเมืองของไบรอัน แมคแนร์ (Brian McNair) มาเป็นหลักในการศึกษา โดยได้เก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์แบบเชิงลึก การค้นคว้าวิจัยจากเอกสารทางวิชาการ

            ผลการวิจัยพบว่า

1.บริบททางการเมืองในช่วงปี พ.ศ.2544-2559 ส่งผลเป็นอย่างมากต่อกระบวนการสื่อสารทางการเมืองเพื่อสถานะภิกษุณีในประเทศไทยของภิกษุณีธัมมนันทา ท่านเป็นหญิงไทยคนแรกที่ได้บวชเป็นภิกษุณีตามเถรวาทนิกายที่ประเทศศรีลังกาเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2546 ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัตรทรงธรรมกัลยาณี ที่ได้ทำการบวชให้กับสตรีที่ต้องการบวชเป็นภิกษุณี ในเรื่องนี้มหาเถรสมาคมได้มีมติห้ามมิให้มีการบวชภิกษุณีขึ้นในประเทศไทย

2.ผู้วิจัยได้พบว่ากระบวนการสื่อสารทางการเมืองเพื่อสถานะภิกษุณีในประเทศไทยของภิกษุณีธัมมนันทาเป็นไปตามทฤษฎีการสื่อสารของเดวิด เค เบอร์โล และทฤษฎีการสื่อสารของไบรอัน แมคแนร์ ท่านมีคุณสมบัติเพียบพร้อมในฐาน ‘ผู้ส่งสาร’ เนื่องจากท่านได้ปริญญาเอกด้านศาสนาพุทธ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีประสบการณ์การค้นคว้าวิจัยด้านพุทธศาสนา นอกจากนี้ท่านยังได้รับการบ่มเพาะจากมารดาของท่านซึ่งได้บวชเป็นภิกษุณีในนิกายมหายานจากประเทศไต้หวันเมื่อ พ.ศ.2514 ดังนั้น ‘สาร’ ที่ท่านสื่อออกมาจึงมุ่งให้สาธารณชนตระหนักถึงสถานะที่ต่ำต้อยของภิกษุณี และมุ่งรณรงค์ให้นานาชาติให้การยอมรับ ภิกษุณีธัมมนันทามีผลงานที่เป็นข้อเขียนมากมายที่ได้สื่อสารออกไปหลาย ‘ช่องทางการสื่อสาร’ ทั้งสื่อหลักและสื่อใหม่ ‘ผู้รับสาร’ ของธัมมนันทามีอาทิ กลุ่มพระภิกษุสงฆ์ องค์กรศาสนา และมหาเถรสมาคม กลุ่มภิกษุณีสงฆ์ แม่ชี และองค์กรสตรี กลุ่มนักวิชาการ และปัญญาชน กลุ่มสื่อมวลชน กลุ่มประชาชนและญาติธรรมทั่วไป

            ข้อสังเคราะห์จากวิจัยซึ่งเป็นองค์ความรู้ใหม่ในการสื่อสารทางการเมืองสรุปได้ดังนี้ 1)การสื่อสารเพื่อสถานะภิกษุณีในประเทศไทยจะประสบความสำเร็จต้องส่งเสริมให้สตรีมีพลัง มีขบวนการที่เป็นเอกภาพและกว้างขวางมากขึ้น 2)การต่อสู้เพื่อสถานะของภิกษุณีในไทยสะท้อนให้เห็นความไม่เท่าเทียมกันในระบบสังคมและวัฒนธรรมไทย 3)การเรียกร้องสถานะภิกษุณีจะต้องเกิดจากศรัทธามหาชน จึงสัมฤทธิ์ผล 4)ความเป็นผู้กล้าท้าทายขนบทางศาสนา อาจนำพาความเปลี่ยนแปลงสู่สังคมไทย 5)การรับรู้เนื้อหาของสาร อาจส่งผลกระทบในเชิงบวกหรือเชิงลบขึ้นอยู่กับทัศนคติของผู้รับสาร

เอกสารอ้างอิง

Aumbamrung Wuthichai. (2007). Sathanaphap lae Bodbat khong Phiksunee nai Parathet Thai. Sinlapasart master’s Thesis, Thammasat University.
Berlo David K. (1960). “The Process of Communication”. New York: Holt Rinehart & Winston Inc.
Chatkul Na Ayuthaya Sakdina. (1998). Cheewit Naewkid lae Karn Thorsu Khong Narin Kung Khon Kwang Lok. Bangkok: Matichon.
Jirayusawad Thanomsak. (2009). Sen Thang Su Fun Nayokrathamontree Khonti 27 Abhisith Vessasiwa. Bangkok: Phanyachon.
Khao Sod Editorial Board. (2010). “BunthekPlutsapha 53 Kwamchingjak Khansod KwamTai 90 Sop”. Bangkok. Khaosod.
King Prajadhipok's Institute. (2007). “Rathathummanoon hang rachaanajakthai Phutsakarad 2550” Nonthaburi: King Prajadhipok's Institute.
Lasswell, Harold D. (1966). “The Structure and Function of Communication in Society”. Public Opinion and Communication” New York : Free press.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-03-29

รูปแบบการอ้างอิง

ฉัตรช่อฟ้า อ., & นันทวโรภาส น. . (2019). การสื่อสารทางการเมืองเพื่อสถานะภิกษุณีในประเทศไทย: ศึกษากรณีภิกษุณีธัมมนันทา. วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์, 8(1), 214–225. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jssr/article/view/167825