การศึกษาวิเคราะห์ความสาคัญของอายตนะในสฬายตนวิภังคสูตร
คำสำคัญ:
อายตนะ, สฬายตนวิภังคสูตรบทคัดย่อ
บทความฉบับนี้มุ่งศึกษาการศึกษาวิเคราะห์ความสาคัญของอายตนะในสฬายตนวิภังค
สูตร โดยผู้วิจัยกาหนดวัตถุประสงค์ไว้ 2 ประการคือ (1) เพื่อศึกษาโครงสร้างเนื้อหาของสฬายตน-
วิภังคสูตร (2) เพื่อศึกษาวิเคราะห์ความสาคัญของอายตนะในสฬายตนวิภังคสูตรระเบียบวิธีวิจัยที่ใช้
ในการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงเอกสาร (Documentary Research) โดยใช้วิธีการวิเคราะห์เชิงพรรณนา
(Descriptive Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า
1) สฬายตนวิภังคสูตรเป็นพระสูตรขนาดกลางอยู่พระไตรปิฎกเล่มที่ 12 ว่าด้วยเรื่อง
ของการจาแนกอายตนะ เป็นพระสูตรที่พระพุทธองค์ทรงแสดงแก่บรรดาพระภิกษุผู้ที่กาลังปฏิบัติ
ธรรม ณ วัดพระเชตวัน เมืองสาวัตถี โดยทรงมีพระประสงค์ให้เหล่าพระภิกษุมีความรู้ในเรื่อง
ของอายตนะอย่างถ่องแท้ สามารถที่จะแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมได้ โดยสาระของเรื่อง
อายตนะในสฬายตนวิภังคสูตรนั้น เป็นเรื่องของการจาแนกการทางานของอายตนะภายในและ
อายตนะภายนอก และจิต กล่าวคือเมื่ออายตนะภายใน 6 ได้แก่ จักขุ (ตา) โสต (หู) ฆานะ (จมูก)
ชิวหา (ลิ้น) กาย (กาย) และมโน (ใจ) กับอายตนะภายนอกหรืออารมณ์ 6 ได้แก่ รูป (รูป) สัททะ
(เสียง) คันธะ (กลิ่น) รส (รส) โผฏฐัพพะ (สิ่งที่ต้องกาย) ธรรมารมณ์ (อารมณ์ที่เกิดกับใจ) มากระทบ
กันก็จะเกิดวิญญาณ จากนั้นก็เกิดผัสสะและเวทนา มโนปวิจาร 18 สัตตบท 36 อุเบกขา 2
และ การพึ่งวิปัสสนาขั้นสูงก็คืออตัมมยตา ซึ่งเป็นการสอนลาดับขั้นของการทาลายกิเลสผ่าน
กระบวนการของอายตนะ ทาให้สามารถบรรลุธรรมได้ 2) การวิเคราะห์พบว่า ความรู้เรื่องอายตนะ
12 ในสฬายตนวิภังคสูตรนั้นมีคุณค่า คือ (1) ทาให้เกิดมีการฝึกจิต (2) ทาให้เกิดความสารวมในศีล
(3) ทาให้กิเลสไม่เข้าสู่จิตใจ (4) ทาให้เป็นผู้มีชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท และ (5) ทาให้ถึงความ
สิ้นทุกข์ทั้งปวงได้
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2018 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น