การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการสถานศึกษานอกสถานที่ตั้ง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
Sukusar Nuntong
คำสำคัญ:
การพัฒนาคุณภาพ,การบริหารจัดการ, หน่วยงานนอกที่ตั้งบทคัดย่อ
บทความฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1. เพื่อศึกษาสภาพการบริหารจัดการสถานศึกษานอกสถานที่ตั้ง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 2. เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการสถานศึกษานอกสถานที่ตั้ง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และ 3. เพื่อนาเสนอแนวทางการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการสถานศึกษานอกสถานที่ตั้ง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย การวิจัยเป็นแบบผสานวิธี ระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณ และวิจัยเชิงคุณภาพ เครื่องมือวิจัยเชิงปริมาณ ใช้แบบสอบถามซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.931 ในการเก็บข้อมูลซึ่งผู้วิจัยได้เก็บข้อมูลด้วยตนเองกับกลุ่มตัวอย่างคือ ผู้บริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ของหน่วยวิทยบริการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยจานวน 103 รูปหรือคน ซึ่งได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูปทางสถิติ คือค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ในส่วนของการวิจัยเชิงคุณภาพใช้เครื่องมือคือแบบสัมภาษณ์เชิงลึกโดยสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสาคัญจานวน 18 รูปหรือคน และการสนทนากลุ่มเฉพาะผู้ทรงคุณวุฒิจานวน 10 รูปหรือคน โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาเชิงพรรณนา
ผลการวิจัยพบว่า 1. สภาพการบริหารจัดการสถานศึกษานอกสถานที่ตั้ง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ภาพรวม ทั้ง 5 ด้าน อยู่ในระดับปานกลาง ( r=3.30) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการบริหารงานบุคลากร การบริหารงานการเงิน และการบริหารงานวิชาการ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ส่วนด้านการบริหารงานทั่วไป และ การบริหารงานวิจัย มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง 2. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการบริหารจัดการสถานศึกษานอกสถานที่ตั้ง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พบว่า มีความสัมพันธ์เชิงบวกอยู่ในระดับน้อย (r=0.284) อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และปัจจัยด้านการนาหลักอิทธิบาท 4 มาใช้ในการบริหารจัดการสถานศึกษานอกสถานที่ตั้งมีความสัมพันธ์เชิงบวกอยู่ในระดับปานกลาง (r=0.539) อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 จึงยอมรับสมมติฐานการวิจัย 3. แนวทางการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการสถานศึกษานอกสถานที่ตั้ง หาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ประกอบด้วย 5 ด้าน คือ 1) ด้านการบริหารงานทั่วไปตามหลักพุทธธรรม แนวทางในการพัฒนา ได้แก่ ส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ให้มีใจรักในการบริหารจัดการ เสริมสร้างเพียรพยายามในการบริหารจัดการ เสริมสร้างมุ่งมั่นตั้งใจในการบริหารจัดการ และใช้วิจารณญาณ วิเคราะห์หาเหตุผลในการบริหารจัดการงานทั่วไป 2) ด้านการบริหารงานวิชาการตามหลักพุทธธรรม แนวทางในการพัฒนา ได้แก่ การฝึกอบรมให้รู้และเข้าใจแผนการบริหารจัดการงานวิชาการล่วงหน้าที่ได้วางไว้ พยายามทาตามแผนการบริหารจัดการงานวิชาการที่วางไว้ให้บรรลุเป้าหมาย เสริมสร้างให้มีใจจดจ่อมุ่งตรงต่อแผนการบริหารจัดการงานวิชาการที่วางไว้ไม่ให้คลาดเคลื่อน และเมื่อมีผลกระทบต่อแผนการบริหารจัดการงานวิชาการต้องใช้ปัญญาในการแก้ไขปรับปรุง 3) การบริหารงานวิจัยตามหลักพุทธธรรม แนวทางในการพัฒนาได้แก่ การส่งเสริมให้ความรักและจริงใจในการบริหารงานวิจัย ส่งเสริมให้มีความพยายามและสร้างความอดทนอดกลั้นสูงในการบริหารงานวิจัย ส่งเสริมให้มีจิตใจเข้มแข็งอุทิศเวลาเพื่อการบริหารงานวิจัย และวิเคราะห์ปรับปรุงโดยใช้ปัญญารอบรู้พร้อมเหตุผลในการบริหารงานวิจัย 4) ด้านการบริหารงานการเงินตามหลักพุทธธรรม แนวทางในการพัฒนา ได้แก่ การส่งเสริมให้มีความพอใจ มีใจรักในการบริหารงานการเงิน ส่งเสริมความอุตสาหะบากบั่นในการควบคุมการบริหารงานการเงินป้องกันความเสี่ยง เสริมสร้างให้มีใจจดจ่อตั้งมั่นอยู่ในการบริหารงานการเงิน และพิจารณาหยั่งรู้เหตุผลในรูปการบริหารงานการเงินเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ 5) ด้านการบริหารงานบุคลากรตามหลักพุทธธรรม ได้แก่ การสร้างทีมงานบริหารอยู่ต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี เสริมสร้างความพยายามและเต็มใจใน การบริหารงาน
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2018 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น