แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพในกลุ่มบุคคลวัยเกษียณ และการสื่อสารรณรงค์ลดบริโภคเค็ม
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยเชิงปริมาณในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเปิดรับสื่อ ทัศนคติ แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพของบุคคลวัยเกษียณ และสารโน้มน้าวใจในการสื่อสารรณรงค์ลดบริโภคเค็ม รวมถึงการศึกษาความแตกต่างด้านดังกล่าวในลักษณะประชากรที่แตกต่างกัน กลุ่มตัวอย่างเป็นบุคคลวัยเกษียณที่อาศัยในกรุงเทพมหานครจำนวน 400 คน ซึ่งเก็บข้อมูลโดยการใช้แบบสอบถาม ผ่านการฝากลิงก์บนสื่อออนไลน์และอาศัยการบอกต่อ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติเชิงอนุมานในการทดสอบสมมติฐานเพื่อหาความแตกต่างและความสัมพันธ์ของตัวแปร โดยกำหนดนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ผลการศึกษาพบว่า การเปิดรับสื่อรณรงค์ของกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คือ สื่อออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก เว็บไซต์ และยูทูบ โดยมีทัศนคติต่อสารโน้มน้าวใจระดับสูงมาก สารที่กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนสูง ได้แก่ ข้อความรณรงค์บอกความรุนแรงของโรค และข้อความรณรงค์ที่สามารถปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างยังมีแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด จากการหาความแตกต่างทางประชากรพบว่า บุคคลวัยเกษียณที่มีระดับการศึกษาและแหล่งรายได้ต่างกัน มีแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ด้านการหาความสัมพันธ์พบว่า ทัศนคติต่อสารโน้มน้าวใจมีความสัมพันธ์กับแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 การเปิดรับสื่อมีความสัมพันธ์กับทัศนคติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และการเปิดรับสื่อมีความสัมพันธ์กับแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01
Article Details
References
กรมควบคุมโรค. (2562). จํานวนและอัตราผู้ป่วยปี 2559-2561. กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข.
กันตพล บันทัดทอง. (2557). พฤติกรรมการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์และความพึงพอใจของกลุ่มคน ผู้สูงอายุใน เขตกรุงเทพมหานคร. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยกรุงเทพ,
กุลยา ตันติผลาชีวะ. (2551). สุขกายกับวัยสูงอายุ. กรุงเทพฯ: เรือนปัญญา.
ณรงค์ เส็งประชา. (2538). มนุษย์กับสังคม. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์.
ธัญลักษณ์ โมราษฎร์. (2548). ศึกษาผลของการใช้โปรแกรมส่งเสริมโภชนาการโดยประยุกต์ แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ และการดูแล ตนเองของผู้สูงอายุโรงพยาบาลขอนแก่น. (วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
นพวรรณ เปียซื่อ. (2561). การดูแลโภชนาการเพื่อควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในชุมชน. กรุงเทพ: จุดทอง.
บุญเทือง โพธิ์เจริญ. (2551). แผนที่ชีวิตวัยเกษียณ. กรุงเทพฯ: ฐานบุ๊คส์.
ปานชีวา แลบุญมา. (2551). แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพและพฤติกรรมการสูบบุหรี่ของประชาชนในเขตสถานอนามัยบ้านแม่ปุ อําเภอแม่พริก จังหวัดลําปาง. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
วิไลรัตน์ บุญราศี. (2559). แบบแผนความเชื่อและพฤติกรรมของพนักงานโรงไฟฟ้าแม่เมาะที่มีภาวะอ้วน ลงพุง. (วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,
ศุภกานต์ นุสรณ์รัมย์. (2557). ความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อด้านสุขภาพกับภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุ. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยบูรพา,
สายหยุด มูลเพ็ชร์. (2558). การสํารวจปริมาณโซเดียมที่ขับออกมาทางปัสสาวะและปัจจัยที่มีผลต่อการกินเค็มในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลตําบลดอนแก้ว อําเภอแม่ริม จังหวัด เชียงใหม่. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.
หทัยการต์ ห้องกระจก. (2559). อิทธิพลของความแตกฉานด้านสุขภาพ การรับรู้สมรรถนะแห่งตน และการสื่อสาร ระหว่างผู้ป่วยกับบุคลากรสุขภาพต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงปฐมภูมิ. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยบูรพา.
Abraham C, & P, S. (2004). Health belief model. Behavior Predicting Health, 28-80.
Nachiketas Nandakumar, & Sivakumaran, B. (2017). Threat, efficacy and message framing in consumer healthcare. Marketing Intelligent & Planning, 35, 442-457.
Rosenstock M, Strecher J, & Becker H. (1988). Social leaning theory and the health belief model. Health Education Quarterly, 15(2). 175-183.
Rosenstock M. (1974). Historical origins of the health belief model. Health Education, Monographs, 2, 328-335.
Skinner C, Tiro J, & Champion V. (2015). Theory research, and United Nations Development Programme. Discussion paper: addressing the social determinants of noncommunicable diseases. Health behavior and health education.
Soleymani L, & L, S. (2015). Knowledge, attitude and practice declaration of elderly in Ahram city toward nutrition behavior in 201. Iranian South Medical Journal, 18(2), 70-82.
Soltani R, Torabi A, Hasanzadeh A, & G, S. (2017). Behind Fruit and Vegetable Consumption Among the Elderly with Functional Constipation: A Study Based on the Health Belief Model. Mod Care Journal, 18(1). doi:10.5812/modernc.63387.
Strecher VJ, DeVellis BM, Becker MH, & IM, R. (1986). The role of self-efficacy in achieving health behavior change. Health Education Quarterly, 13, 73-92.
Taejin Jung, & Brann, M. (2555). Analyzing the extended parellel process model and health belif model constructs in texting while driving news coverage in leading U.S. news media outlets. International Journal of Health Promotion and Education. 52(4). 210-221.
Thapaliya, R. (2018). An Extension of The Extended Parallel Process Model (Eppm) To promote healthy behaviors. University of oklahoma Graduate College,
World Health Organization, (2007). Reducing salt intake in populations - Report of a WHO Forum and Technical Meeting. Organization.