การสื่อสารทางการตลาดแบบบูรณาการที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการ คลินิกเสริมความงามของกลุ่ม Generation Y-Z

บทคัดย่อ

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาระดับความสำคัญของการสื่อสารทางการตลาดแบบบูรณาการของสถานบริการคลินิกเสริมความงามของกลุ่ม Generation Y-Z และ (2) ศึกษาการสื่อสารทางการตลาดแบบบูรณาการที่มีผลต่อปัจจัยการตัดสินใจเลือกใช้บริการคลินิกเสริมความงามของกลุ่ม Generation Y-Z ใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 390 คน ใช้วิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการวิจัย วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติอนุมานด้วยการวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า การสื่อสารทางการตลาดแบบบูรณาการ มีระดับความสำคัญในภาพรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.28 เมื่อพิจารณาแต่ละด้านพบว่า ด้านการประชาสัมพันธ์ มีค่าเฉลี่ย 4.41 ด้านการสื่อสารแบบปากต่อปาก มีค่าเฉลี่ย 4.36 ด้านการโฆษณา มีค่าเฉลี่ยสูงสุด 4.34 ด้านการส่งเสริมการขาย มีค่าเฉลี่ย 4.26 และด้านการตลาดเชิงกิจกรรม มีค่าเฉลี่ย 4.25 ซึ่งมีระดับความสำคัญมากที่สุดในทุก ๆ ด้าน ส่วนปัจจัยการตัดสินใจ มีค่าเฉลี่ย 4.44 มีระดับความสำคัญอยู่ที่ระดับมากที่สุด ผลวิเคราะห์การสื่อสารทางการตลาดแบบบูรณาการที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการ พบว่า การสื่อสารทางการตลาดแบบบูรณาการด้านการโฆษณา (β = 0.206) ด้านการประชาสัมพันธ์ (β = 0.240) และด้านการสื่อสารแบบปากต่อปาก (β = 0.362) ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บริการคลินิกเสริมความงามของกลุ่ม Generation Y-Z อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ .05 โดยที่ด้านการตลาดเชิงกิจกรรมและด้านการส่งเสริมการขาย ไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บริการคลินิกเสริมความงามของกลุ่ม Generation Y-Z