รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

Main Article Content

ธิดา วิสาพรม
ธีรวุฒิ เอกะกุล
จำลอง วงษ์ประเสริฐ

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. สังเคราะห์ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2. พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3. ศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4. ศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถ    ในการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตัวอย่างที่ใช้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 52 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่มโดยใช้นักเรียนในกลุ่มเครือข่ายสถานศึกษาเดชอุดมในการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ คู่มือการใช้ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ และแบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที และการวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วม


ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการสังเคราะห์ได้ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ขั้นเร้าความสนใจและกำหนดสถานการณ์ปัญหา 2) ขั้นสำรวจและอธิบาย 3) ขั้นเลือกและลงมือปฏิบัติ 4) ขั้นนำเสนอและอภิปราย และ 5) ขั้นสรุปและนำไปประยุกต์ใช้ 2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มี 4 องค์ประกอบ คือ     1) หลักการ แนวคิด ทฤษฎี 2) วัตถุประสงค์ 3) ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และ 4) การวัดและประเมินผล คุณภาพของรูปแบบ คู่มือการใช้รูปแบบ แผนการจัดการเรียนรู้ และแบบสอบถามความพึงพอใจที่ประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด และแบบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.71 3. ค่าดัชนีประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ มีค่าเท่ากับ 0.4726 แสดงว่า นักเรียนมีพัฒนาการหรือก้าวหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 47.26 ผลการเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนหลังเรียนของกลุ่มทดลอง โดยใช้แบบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ พบว่า คะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม พบว่า กลุ่มทดลองมีผลการทดสอบก่อนเรียนสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งข้อจำกัดของการวิจัยคะแนนก่อนเรียนของกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( p=.003) แสดงว่ากลุ่มตัวอย่างไม่เท่าเทียมกัน จึงวิเคราะห์ด้วยสถิติวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วม ทำให้ผลการเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม เมื่อวิเคราะห์ด้วยสถิติวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วม พบว่า ค่าเฉลี่ยของคะแนนหลังการทดลอง กลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 4. ความพึงพอใจของกลุ่มทดลองที่เรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
วิสาพรม ธ. . ., เอกะกุล ธ. . . ., & วงษ์ประเสริฐ จ. . (2025). รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร, 13(5), 1986–2000. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/journal-peace/article/view/292185
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

Akakul, T. (2018). Research Methodology. (3rd ed.). Ubon Ratchathani: Witthayaphim.

Akharawikrai, R. (2020). The Development of a Science Learning Activity Model Integrated with Augmented Reality Technology to Enhance Critical Thinking Abilities and Problem Solving for Mathayomsuksa III Students. (Doctoral Dissertation). Dhurakij Pundit University. Bangkok.

Chinnasri, A. (2015). The Development of a Science Learning Management Model to Promote the Problem-Solving Ability of Grade 8 Students. (Doctoral Dissertation). Valaya Alongkorn Rajabhat University under the Royal Patronage. Pathum Thani.

Institute for the Promotion of Teaching Science and Technology. (2019). PISA 2018 Assessment Results: Executive Summary. Bangkok: Institute for the Promotion of Teaching Science And Technology (IPST).

Juykrayang, S. (2018). The Development of Instructional Model to Enhance Both Science Concepts and Critical Thinking Skills of Grade Seventh Students. (Doctoral Dissertation). Burapha University. Chonburi.

Kaemmanee, T. (2001). Thinking Science. Bangkok: The Master Group Management.

Kaemmanee, T. (2017). Teaching Science: Knowledge for Organizing an Effective Learning Process. (21st ed.). Bangkok: Chulalongkorn University Press.

Marasri, S. (2019). Developing Critical Thinking Skills in the 21st Century. MCU Journal Nakhon Nan Review, 3(2), 105-122.

Ministry Of Education. (2017). Operational Manual for Driving Success in Quality Development Thai Language Teaching, Fiscal Year 2018. Bangkok: Police Printing House, Royal Thai Police Office.

National PISA Operations Center, Institute for the Promotion of Teaching Science and Technology. (2024). PISA 2022 Assessment Results: Executive Summary. Bangkok: Institute for the Promotion of Teaching Science and Technology (IPST).

Ngamserth, S. (2017). The Creation of an Achievement Test. Naval Academy Academic Journal, 4(1), 54-60.

Office of the Basic Education Commission. (2019). PISA Aims to Enhance Student Competence to Compete on the World Stage. Bangkok: Aksornthai Printing House (Fa Muangthai Newspaper).

Royal Gazette. (2018). National Strategy (2018-2037). Volume 135, Section 82 A., October 13.

Samor, A. (2023). The Development of Learning Activities Package Based on STEM Education with Metaverse to Enhance Problem Solving Skill on Ecosystems for Grade 9 Students (Master’s thesis). Yala Rajabhat University. Yala.

Soonkamrat, A. (2024). The Development of Spelling Skills Exercise Combined with Learning Management Based on Thorndike's Concepts to Enhance the Capability in Spelling Non-Conformity Thai Words for Prathomsuksa 4 Students. (Doctoral Dissertation). Hatyai University, Songkhla.

Suriyangam, C. (2023). The Study of Mathematics Learning Achievement and Mathematical Problem Solving on Linear Equation with One Variable for Mathayomsuksa 1 Student by Inquiry-Based Learning. (Master’s Thesis). Burapha University. Chonburi.

Thongmee, K. (2015). PISA Reading Literacy Test Predictions (Secondary School). Bangkok: Mac Education.