ประเพณีบุญข้าวสาก: ศรัทธาถึงผี สามัคคีถึงคน
คำสำคัญ:
บุญข้าวสาก, มิติความสามัคคีจากประเพณี, ศรัทธาถึงผีบทคัดย่อ
บุญข้าวสากนอกจากจะสะท้อนบทบาทของประเพณีท้องถิ่นในทางพุทธศาสนาแล้วยังสะท้อนความสำคัญที่ต้องปฏิบัติอันเป็นพฤติกรรมทางสังคมที่พึงปฏิบัติ บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ประเพณีบุญข้าวสากของชาวอีสานในมิติการวิเคราะห์บทบาทของประเพณี โดยใช้ข้อมูลจาก 2 แหล่ง คือ ข้อมูลเอกสาร และข้อมูลภาคสนามจากปราชญ์ท้องถิ่นในจังหวัดร้อยเอ็ดและ มหาสารคาม ผลการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า บุญข้าวสากชี้ให้เห็นถึงความเชื่อถือศรัทธาที่เกิดต่อผู้ล่วงลับไปแล้วและเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อการระลึกรู้คุณบรรพชน นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นมิติการสร้างความสามัคคีของเครือญาติและชุมชนที่มีการตอกย้ำให้เกิดความแน่นแฟ้นต่อกันในสังคม บุญข้าวสากจึงเป็นบทเรียนสร้างสรรค์สังคมท้องถิ่นเพื่อความสมานฉันท์ที่ยั่งยืน
เอกสารอ้างอิง
References
Auytrakul, P. (1984, 4-6 July). Ethical study of Islamic literature In academic seminar in E-san studies: History and culture. pp 23. [in Thai]
Boonjierm, S. (2006). Moradok E-san. Ubon Ratchathani: Moradok E-san. [in Thai]
Janpenk, S. et al. Moonmang E-san traditional. Kalasin: Prasan Printing. [in Thai]
Kaewthep, K. (2014). Media science and culturalsStudies. (3rd ed.). Bangkok: Parbpim. [in Thai]
Na Thalang, S. (2009). Folklore theory, methodology in analysis myth-folk tales. (2nd ed.). Bangkok: Chulalongkorn University Press. [in Thai]
Parijano, Ven.P. (1952). E-san tradition. Ubon Ratchathani: SiriTham. [in Thai]
Pimsan, P. (2014). Ghost belief in folk wisdom. (2nd ed.). Khon Kaen: Prathammakhun. [in Thai]
Pinthong, P. (1999). “Heet Sipsong Khong Sipsee tradition,” Encyclopedia of Northeastern Thai culture by foundation: Encyclopedia of Thai culture, Siam Commercial Bank Public Company Limited. book number 15. pp. 5379-5380. [in Thai]
Sanyawiwatt, S. (2007). Sociological theory, content and basic utilization. (2nd ed.). Bangkok: Chulalongkorn University Press. [in Thai]
Velawong, S.,& S-S. Khon Kaen: Sor. Thammapukdee. [in Thai]
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์บทความเป็นของผู้เขียน แต่วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ขอสงวนสิทธิ์ในการเป็นผู้ตีพิมพ์เผยแพร่เป็นครั้งแรก


