กลยุทธ์การส่งเสริมการนวดตำรับวัดโพธิ์หลังยุคโควิด-19 เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยเชิงสุขภาพ

Main Article Content

พวงทิพย์ ชัยพิบาสฤษดิ์
อาภาภรณ์ โพธิ์กระจ่าง
อุไรวรรณ อมรนิมิตร
ปัณณิกา โพธิเวชเทวัญ
รุ่งลักษมี รอดขำ

บทคัดย่อ

          การศึกษาวิจัยเรื่อง “กลยุทธ์การส่งเสริมการนวดตำรับวัดโพธิ์ หลังยุคโควิด-19 เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยเชิงสุขภาพ” เป็นโครงการย่อยที่ 3 ในโครงการชุดซึ่งมีชื่อเรื่องเดียวกันมีวัตถุประสงค์เพื่อสังเคราะห์กลยุทธ์เพื่อส่งเสริมการนวดตำรับวัดโพธิ์หลังยุคโควิด-19 เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยเชิงสุขภาพ โดยวิเคราะห์เนื้อหาจากผู้เข้าร่วมสนทนาจำนวน 5 คน ทำการสังเคราะห์ร่วมกับผลการวิจัยที่ได้จากโครงการย่อยที่ 1 ศึกษาความพึงพอใจในคุณภาพบริการการนวดตำรับวัดโพธิ์ และโครงการย่อยที่ 2 ศึกษาแนวทางพัฒนาครูนวดต้นแบบ ตำรับวัดโพธิ์ หลังยุคโควิด-19 สรุปได้ว่า “นวดไทย” ถูกประกาศความเป็นมรดกโลก มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เพื่อให้มีการพัฒนาและคงความเป็นมรดกโลกอย่างยั่งยืน ได้ทำการสังเคราะห์และสรุปผล ได้กลยุทธ์ 6 กลยุทธ์ คือ กลยุทธ์ที่ 1 พัฒนาหลักสูตรสาขาวิชาการนวดตำรับวัดโพธิ์ และการจัดการเรียนการสอนเพื่อบรรลุผลลัพธ์การศึกษาทั้ง 6 ด้าน กลยุทธ์ที่ 2 พัฒนาแหล่งบริการที่เป็นแบบอย่างการนวดไทยที่บูรณาการชีวิตวิถีไทยแบบใหม่ กลยุทธ์ที่ 3 การสรรหาอย่างกว้างขวางและคัดเลือกเยาวชนผู้มีความพร้อมเข้าสู่หลักสูตรสาขาวิชาการนวดตำรับวัดโพธิ์ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2566 กลยุทธ์ที่ 4 สนับสนุนทุนการศึกษาในหลักสูตรสาขาวิชาการนวดตำรับวัดโพธิ์จากชุมชน โดยชุมชน สู่ชุมชน และนานาชาติ กลยุทธ์ที่ 5 กำหนดเกณฑ์ระดับการประเมินคุณภาพผู้นวดตำรับวัดโพธิ์ในการประกันคุณภาพ กลยุทธ์ที่ 6 ทำการวิจัยสถาบันและการวิจัยการบริการการนวดตำรับวัดโพธิ์

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ชัยพิบาสฤษดิ์ พ. ., โพธิ์กระจ่าง อ., อมรนิมิตร อ. ., โพธิเวชเทวัญ ป. ., & รอดขำ ร. . (2022). กลยุทธ์การส่งเสริมการนวดตำรับวัดโพธิ์หลังยุคโควิด-19 เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยเชิงสุขภาพ. วารสารศิลปศาสตร์ราชมงคลสุวรรณภูมิ, 4(2), 228–239. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/art/article/view/257213
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงสาธารณสุข. (2559). แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564). นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข.

กองการประกอบโรคศิลปะ. (2541). ตำราแพทย์แผนโบราณทั่วไป สาขาเภสัชกรรม. นนทบุรี: สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข.

ขวัญเมือง แก้วดำเกิง. (2563). การใช้ชีวิตอย่างสมดุลและมีความสุข. วารสารสมาคมวิชาชีพสุขศึกษา, 35(2), 12-21.

นิตยา อภิรัตน์วรากุล, ธนกฤติ ทุริสุทธิ์ และสุภีร์ สมอนา. (2560). การพัฒนากลยุทธ์การตลาดของธุรกิจการนวดเพื่อสุขภาพในเขตเทศบาลนครอุดรธานี อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี, 5(2), 35-50.

พจน์ บุญเรือง. (2522). เอกสารประกอบคำบรรยายวิชาการนิเทศการส่งเสริม, กรุงเทพมหานคร: คณะเกษตรศาสตร์. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. (อัดสำเนา).

พระราชบัญญัติ สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559. ราชกิจจานุเบกษา. 30 มีนาคม 2559, 10-24.

พวงทิพย์ ชัยพิบาลสฤษดิ์, อุไรวรรณ อมรนิมิตร, อาภาภรณ์ โพธิ์กระจ่าง, ปัณณิกา โพธิเวชเทวัญ และรุ่งลักษมี รอดขำ, (2564). ศึกษาแนวทางพัฒนาครูนวดต้นแบบ ตำรับวัดโพธิ์ หลังยุคโควิด-19. วารสารสุขภาพกับการจัดการสุขภาพ, 7(2), 154-167.

ภาณิกานต์ คงนันทะ. (2553). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเลือกใช้บริการนวดแผนไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติบนถนนข้าวสารกรุงเทพมหานคร (วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต). กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยศิลปากร.

ศิริพร สว่างจิตร, วลัยพร ศิริภิรมณ์ และพฤทธิ์ ศิริบรรณพิทักษ์. (2560). การพัฒนากลยุทธ์การบริหารวิทยาลัยพยาบาลสังกัดกระทรวงกลาโหมตามแนวคิดการเป็นองค์การสมรรถนะสูง. วารสารพยาบาลทหารบก, 18(3), 180-191.

สมพิศ กองอังกาบ, อโณทัย งามวิชัยกิจ และลัดดา วัจนะสาลิกากุล. (2559). ปัจจัยส่วนประสมการตลาดที่มีผลต่อพฤติกรรมการใช้บริการนวดแผนไทย ในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร. วารสารวิจัยและพัฒนาวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์, 11(3), 295-304.

Bandura, A. (1986). Social foundations of thought and action: A social cognitive theory. New Jersey: Prentice-Hall, Inc.

Bandura, A. (1997). Self-efficacy: The exercise of control. New York: W.H. Freeman and Company.

Bloor, M., Frankland, J., Thomas, M., & Robson, K. (2001). Focus groups in social research. London: SAGE Publications.

Kotler, P. & Armstrong, G. (2009). Marketing, an Introduction. New Jersey: Pearson Prentice Hall.

Kitzinger, J. (1995). Qualitative research: Introducing focus groups. British Medical Journal, 311(7000), 299–302.

Lindlof, T. R., & Taylor, B. C. (2002). Qualitative Communication Research Methods. (2nd ed.). Thousand Oaks, California: Sage.

Parasuraman, A., Zeithaml, V. & Berry, L. (1988). SERVQUAL A multiple-item scale for measuring consumer perceptions of service quality. Journal of Retailing, 64(1), 12-40.

Tracy, S. J., Lutgen-Sandvik, P., & Alberts, J. K. (2006). Nightmares, demons and slaves: Exploring the painful metaphors of workplace bullying. Management Communication Quarterly, 20(2), 148-185.

World Health Organization. (2010). Benchmarks for training in traditiona/complementary and alternative medicine: Benchmarks for training in Nuad Thai. Geneva: WHO Press. สืบค้น 16 พฤษภาคม 2563. จาก https://sites.google.com/site/prachyasersthkicphxpheiyngcom/prawati-phu-cad-tha.