ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ของนักศึกษาพิการ ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ของนักศึกษาพิการ ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 2) เพื่อเปรียบเทียบปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ของนักศึกษาพิการในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล  โดยประชากรที่ใช้ในการศึกษา คือ นักศึกษาพิการที่ศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.). ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล สถานศึกษาของรัฐบาล สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 สถานศึกษา จำนวน 16 แห่ง นักศึกษาจำนวน 71 คน เครื่องมือวิจัยคือแบบสอบถามมีค่าความเที่ยงตรง (Validity) .92 ค่าความเชื่อมั่น (Reliability) .98  และสถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ความแตกต่างด้วย (T-Test) และวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA)  ผลการวิจัยพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เพศชาย อายุ 20 ปีขึ้นไป พื้นฐานความรู้เดิม ชั้น ม.6 กำลังศึกษาชั้นปวส. 1 คะแนนเฉลี่ยระหว่าง 3.01-3.50 มีความบกพร่องทางการได้ยิน สถานภาพครอบครัวอยู่ด้วยกัน ผู้ปกครองมีอาชีพรับจ้างทั่วไป มีรายได้ ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ของนักศึกษาพิการ ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จากแรงจูงใจภายในมีความสำคัญอยู่ในระดับมาก ให้ความสำคัญได้แก่ ด้านเหตุผลส่วนตัวด้านความสนใจในการประกอบอาชีพ และด้านความรู้สึกนึกคิด ตามลำดับ แรงจูงใจภายนอกความสำคัญอยู่ในระดับมาก ให้ความสำคัญได้แก่ ด้านหลักสูตรและการสอน  ด้านชื่อเสียงสถานศึกษาและทำเลที่ตั้ง ด้านสังคม ด้านสิ่งแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวก ด้านเศรษฐกิจ และด้านบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตามลำดับ ผลการเปรียบเทียบความแตกต่างของปัจจัยส่วนบุคคลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง จำแนกตามสถานภาพส่วนบุคคล ด้านเพศ  ด้านพื้นฐานความรู้เดิม ด้านอายุ ด้านคะแนนเฉลี่ย ด้านประเภทความพิการ และด้านสถานภาพครอบครัว ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนทางด้านระดับชั้นที่กำลังศึกษา ด้านอาชีพของผู้ปกครอง และด้านรายได้ของครอบครัวเฉลี่ยต่อเดือน ในภาพรวมมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05