การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวการสอนอ่านแบบ MIA สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวังไกลกังวล ในพระบรมราชูปถัมภ์

Main Article Content

ประภัสสร ธูปอ้น
สริตา บัวเขียว
ยุพิน ยืนยง

บทคัดย่อ

งานวิจัยเรื่อง การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวการสอนอ่านแบบ MIA สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นวิจัยกึ่งทดลอง การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อเปรียบเทียบทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ก่อนและหลังเรียนโดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวการสอนอ่านแบบ MIA 2) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเรียนของนักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวการสอนอ่านแบบ MIA 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวการสอนอ่านแบบ MIA ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียนมีการพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวการสอนอ่านแบบ MIA สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) พฤติกรรมการเรียนของนักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวการสอนอ่านแบบ MIA ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 อยู่ในระดับมาก 3) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวการสอนอ่านแบบ MIA ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ธูปอ้น ป. ., บัวเขียว ส., & ยืนยง ย. (2024). การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวการสอนอ่านแบบ MIA สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวังไกลกังวล ในพระบรมราชูปถัมภ์. วารสาร มจร เพชรบุรีปริทรรศน์, 7(1), หน้า 608 – 622. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JPR/article/view/273092
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

เกื้อ วงศ์บุญสิน และคณะ. (2546). In รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์โครงการ “ทักษะแรงงานไทยในอนาคตที่พึงประสงค์”. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.

ฉัตรแก้ว จริยตันติเวทย์ และคณะ. (2549). In การศึกษาวิจัยตลาดแรงงาน (Target Market) ของคณะวิศวกรรมศาสตร์กับการก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 เพื่อความยั่งยืน. กรุงเทพมหานคร: คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร.

ณตพล ศุภณัฐเศรษฐกุล. (2556). สหวิทยาการระหว่างสาขาวิชามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และการแพทย์ เพื่อประยุกต์ในการเรียนการสอนแพทยศาสตร์. ธรรมศาสตร์เวชสาร 13(3)380-392., 384.

ธาราทิพย์ หาญลำยอง. (2564). สถิติประชากรแยกรายอายุ กรกฎาคม พ.ศ.2564. เพชรบุรี: ที่ทำการปกครองจังหวัดเพชรบุรี.

ฟาฏินา วงศ์เลขา. (2556).

ฟาฏินา วงศ์เลขา. (2556). อนาคตหนังสือเรียนไทยในยุคก้าวไกลของ IT. กรุงเทพ: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์.

มหาวิทยาลัยรามคำแหง. (ม.ป.พ.). Retrieved พฤษภาคม 5, 2564, from เอกสารประกอบการสอนรายวิชาเศรษฐศาสตร์ทรัพยากรมนุษย์ 1 (EC300): http://old-book.ru.ac.th/e-book/e/EC300(51)/EC300-4.pdf

ยุทธ ไกรวรรณ. (2552). วิธีวิจัยทางธุรกิจ. กรุงเทพมหานคร: พิมพ์ดี.

รัชนีพร เทียมปโยธร. (2554). การศึกษาแนวโน้มความต้องการบัณฑิตในสาขาวิชาการออกแบบชุมชนเมืองมหาบัณฑิต: กรณีศึกษาประเทศไทย เวียดนาม และสิงคโปร์. วารสารวิชาการคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (10), 65-73.

วัฒนา เซ่งไพเราะ. (2555). ความตื่นตัวทางการเมืองของเยาวชนในสถาบันการศึกษาในเขตกรุงเทพมหานครกับการพัฒนาวัฒนธรรมทางการเมืองแบบประชาธิปไตยช่วงปี พ.ศ. 2549-2554. In ด. สาขาสื่อสารการเมือง. กรุงเทพมหานคร: วิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก.

วีระ โชติธรรมาภรณ์. (2549). แนวโน้มการจ้างงานในอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ ส่วนงานก่อนพิมพ์. In สาขาวิชาเทคโนโลยีการพิมพ์ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา. กรุงเทพมหานคร: คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.

สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ. (2563). แนวโน้มความต้องการบุคลากรในอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคต (New S Curve) และทิศทางนโยบายการพัฒนากำลังคนของประเทศ พ.ศ. 2563-2567. Retrieved พฤษภาคม 5, 2564, from https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2019/09/DemandNewSCurve.pdf

Albert Lin. (n.d.). Urban informatics. Retrieved may 2, 2021, from https://cherish51c8. wordpress.com /2013/04/20/urban-informatics.

Taro Yamane. (1967). Statistics, An Introductory Analysis,2nd Ed.,. New York: Harper and Row.