รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะด้านภาวะผู้นำครูตามหลักวุฒิธรรม สำหรับครูโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพระนครศรีอยุธยา
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะด้านภาวะผู้นำครูตามหลักวุฒิธรรม สำหรับครูโรงเรียนมัธยมศึกษา เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี มีวิธีดำเนินการวิจัย 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ศึกษาความต้องการจำเป็นการพัฒนาสมรรถนะด้านภาวะผู้นำครูของครูโรงเรียนมัธยมศึกษาด้วยการใช้แบบสอบถามกลุ่มตัวอย่างที่เป็นครูโรงเรียนมัธยมศึกษา 302 คน ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบ ด้วยการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 10 ท่าน และการสนทนากลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ 9 ท่าน ระยะที่ 3 ทดลองใช้รูปแบบ ด้วยการประชุมเชิงปฏิบัติการผู้ทรงคุณวุฒิ 17 ท่าน และระยะที่ 4 ประเมินรูปแบบ ด้วยการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา CVI กับผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 ท่าน ทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพื้นฐาน คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และดัชนีความต้องการจำเป็น
ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะด้านภาวะผู้นำครูตามหลักวุฒิธรรม สำหรับครูโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพระนครศรีอยุธยา ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบ คือ องค์ประกอบที่ 1 หลักการ องค์ประกอบที่ 2 วัตถุประสงค์ องค์ประกอบที่ 3 การพัฒนา 1) สมรรถนะด้านภาวะผู้นำครู 2) หลักวุฒิธรรม 4 คือ (1) สัปปุริสสังเสวะ การคบคนดี (2) สัทธัมมัสสวนะ การตั้งใจฟังคำสั่งสอน (3) โยนิโสมนสิการ การพิจารณาไตร่ตรองโดยแยบคาย (4) ธัมมานุธัมมปฏิบัติ การลงมือปฏิบัติจริง 3) การพัฒนาสมรรถนะด้านภาวะผู้นำครูตามหลักวุฒิธรรม 4 องค์ประกอบที่ 4 การนำไปใช้ องค์ประกอบที่ 5 การทดลองใช้ และองค์ประกอบที่ 6 การประเมิน ผลการทดลองใช้รูปแบบ ในภาพรวมมีความคิดเห็นต่อรูปแบบอยู่ในระดับมากที่สุด และผลการประเมินรูปแบบมีค่าดัชนีความตรงตามเนื้อเรื่องมีค่าเท่ากับ 1.00 และค่าดัชนีความตรงตามเนื้อเรื่องทั้งฉบับ มีค่าเท่ากับ 1.00 ด้วยเหมือนกัน แสดงว่า รูปแบบที่พัฒนาขึ้นมีความเหมาะสม มีความถูกต้อง มีความเป็นไปได้ในการปฏิบัติ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ สรุปองค์ความรู้การวิจัย “BLDCV”
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ส่งมาขอรับการตีพิมพ์ในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ จะต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น รวมทั้งผู้เขียนจะต้องคำนึงถึงจริยธรรมการวิจัย ไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง ซึ่งทางวารสารฯ ได้กำหนดความซ้ำของผลงาน ด้วยโปรแกรม CopyCat เว็บ Thaijo ในระดับ ไม่เกิน 25%
ในกรณีที่ บทความวิจัยมีกระบวนการวิจัยเกี่ยวข้องกับมนุษย์ ผู้นิพนธ์จะต้องส่งหลักฐานการรับรองจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์มาประกอบการลงตีพิมพ์ด้วยจึงจะได้รับการพิจารณาลงตีพิมพ์ในวารสาร
ผู้เขียนบทความจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเสนอบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ รวมทั้งระบบการอ้างอิงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ โดยรวมทั้งทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์และวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์
References
กระทรวงศึกษาธิการ. (2545). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ปี 2542 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงศึกษาธิการ.
คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา. (2562). แผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงศึกษาธิการ.
ณรงค์วิทย์ แสนทอง. (2547). มารู้จัก Competency กันเถอะ. กรุงเทพมหานคร: เอช อาร์ เซ็นเตอร์.
ทิพย์สิริ กาญจนวาสี และคณะ. (2561). วิธีวิทยาการวิจัย. กรุงเทพมหานคร: พิมพ์ทันใจ.
บุญชม ศรีสะอาด. (2535). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพมหานคร: สุวีริยาสาส์นการพิมพ์.
พระครูสมุห์คล่อง กมุพโล. (2562). การประยุกต์ใช้หลักวุฒิธรรมในชีวิตประจำวันของนักเรียนโรงเรียนสมานคุณวิทยาทาน อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา. วารสารสังคมศาสตร์และวัฒนธรรม, 3(2), 54-55.
พระฐตรฐ อธิปญฺโญ. (2561). การพัฒนารูปแบบโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ตามหลักวุฒิธรรม. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 12(2), 145.
พระมหาทัพยา ปิยวณฺโณ. (2565). กระบวนการพัฒนาปัญญาตามหลักวุฑฒิธรรม. วารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์, 6(3), 201-202.
ไพรัช พื้นชมภู. (2561). รูปแบบการนำหลักวุฑฒิธรรม 4 ไปใช้ในการส่งเสริมการเรียนรู้ ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา เพื่อความเจริญงอกงามแห่งปัญญา. วารสารวิชาการธรรมทรรศน์, 18(2), 153 - 154.
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2561). สภาวะการศึกษาไทยปี 2559/2560 แนวทางการปฏิรูปการศึกษา ไทยเพื่อก้าวสู่ยุค Thailand 4.0. กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิค.
สุวิมล ว่องวาณิช. (2558). การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็น. พิมพ์ครั้งที่ 3 ฉบับปรับปรุง. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Eun, S. (2002). Contextual Autonomy in EFL Classrooms: A Critical Review of English Teaching Methods in South Korea. Dissertation Abstracts International, 62(11), 3666.
Likert, Rensis. (1967). The Method of Constructing and Attitude Scale in Reading in Attitude Theory and Measurement. Fishbeic. Matin. New York: Wiley & Son.
Romine, Stephen. (1975).Student and Faculty Perceptions of an Effective University Instructional Climates. The Journal of Education Research, 68(6), 139-143.