ผลของโปรแกรมการส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิตต่อ พฤติกรรมสุขภาพ ดัชนีมวลกาย และระดับความดันโลหิต ของกลุ่มเสี่ยงความดันโลหิตสูง
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิตต่อพฤติกรรมสุขภาพ ดัชนีมวลกาย และระดับความดันโลหิตก่อนและหลังการได้รับโปรแกรม โดยใช้รูปแบบการวิจัยกึ่งทดลอง กลุ่มตัวอย่างคือพนักงานระบบประกันสังคมในโรงงานอุตสาหกรรม จังหวัดอุตรดิตถ์ คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงตามคุณสมบัติจำนวน 50 คน คือ 1) อายุแตกต่างไม่เกิน 5 ปี 2) ความดันโลหิตซิสโตลิกและ/หรือความดันโลหิตไดแอสโตลิกแตกต่างกันไม่เกิน 5 มม.ปรอท และ 3) ดัชนีมวลกายตั้งแต่ 23 กก./ตร.ม. 4) เพศ และ 5) ไม่ตั้งครรภ์ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ๆ ละ 25 คน กลุ่มควบคุมได้รับการดูแลปกติ กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมการส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิตที่ผู้วิจัยประยุกต์จากแบบจำลองการส่งเสริมสุขภาพของเพนเดอร์ เป็นเวลา 8 สัปดาห์ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบประเมินพฤติกรรมสุขภาพที่ผ่านตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน หาค่าดัชนีความสอดคล้องของข้อคำถามและวัตถุประสงค์ผ่านระดับ .50 ขึ้นไป และค่าสัมประสิทธิ์อัลฟ่าของครอนบาคเท่ากับ .79 แบบบันทึกการปฏิบัติตน และแบบบันทึกความดันโลหิต วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายและเปรียบเทียบ ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมสุขภาพด้านอาหาร ด้านการออกกำลังกาย และด้านการจัดการความเครียดแตกต่างจากก่อนเข้าร่วมโปรแกรม และแตกต่างจากกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ระดับความดันโลหิตแตกต่างจากก่อนเข้าโปรแกรม และแตกต่างจากกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนค่าดัชนีมวลกาย พบว่าทั้งก่อนและหลังโปรแกรม และระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคุมโรค. (2565). วันความดันโลหิตสูงโลก (World Hypertension Day). เรียกใช้เมื่อ 5 กันยายน 2565 จาก http://www.thaincd.com/2016/news/hot-news-detail.php?id=14345&gid=18
กัลยา ถาวงค์ และเมธินี ศรีสวัสดิ์. (2564). ผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านนายาง ตำบลนายาง อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง. วารสารวิชาการสุขภาพภาคเหนือ, 8(2), 103-119.
ชนาธิป สันติวงศ์. (2565). อาหารต้านโรคความดันโลหิตสูง. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9, 16(1), 101-111.
เนตรนภา บัวแก้ว และธนัช กนกเทศ. (2559). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมกับโรคความดันโลหิตสูงของประชากรกลุ่มเสี่ยงสูง กรณีศึกษาตำบลสากเหล็ก อ.สากเหล็ก จังหวัดพิจิตร. ใน วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์. มหาวิทยาลัยนเรศวร.
บัญชา สถิรพจน์. (2563). Nephrology Review for Internists 2020. เรียกใช้เมื่อ 17 มกราคม 2566 จาก https://cimjournal.com/nephro-conference/hyperten sion-and-kidney/
มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์. (2565). โครงการหลัก 3 อ. ดีต่อใจ. เรียกใช้เมื่อ 5 กันยายน 2565 จาก https://www.thaiheartfound.org /Article/List/38241
วงค์ชญพจณ์ พรหมศิลา และคณะ. (2562). ผลของโปรแกรมการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงต่อพฤติกรรมการปฏิบัติตนและค่าเฉลี่ยความดันโลหิตของบุคคลกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง. วารสารพยาบาลสาร, 46(2), 95-107.
ศราวุฒิ บุญญะรัง และคณะ. (2561). ผลของโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกันโรคความดันโลหิตสูงของกลุ่มเสี่ยง อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี. ใน วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
ศิริพร ค้างคีรี, และคณะ. (2563). โปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพต่อ พฤติกรรมสุขภาพดัชนีมวลกายและระดับความดันโลหิตของกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ, 14(1), 80-96.
สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย. (2562). แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติ ทั่วไป พ.ศ. 2562. เรียกใช้เมื่อ 5 กันยายน 2565 จาก http://www. thaihypertension.org/hypertensiondetail.php?n_id=442
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2565). วัยทำงานกับการดูแลสุขภาพ. เรียกใช้เมื่อ 5 กันยายน 2565 จาก https://www.nso.go.th/sites/2014/Pages.aspx
Huang, Y. et al. (2014). Association of all-cause and cardiovascular mortality with Prehypertension: A meta-analysis. American Heart Journal, 167(2), 160-168.
Pender, N. et al. (2011). Health Promotion in nursing practice. (6thed.). Boston: MA: Pearson.
Thapliyal, V. et al . (2018). Prevalence and Associated Factors of Hypertension among Adults in Rural Uttarakhand: A Community Based Cross Sectional Study. Nutrition and Food Science Journal, 6(2), 481-490.