ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเมตตากรุณาต่อตนเองของนักศึกษาวิชาชีพครู
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยด้านลำดับการเกิด รายได้ครัวเรือน สถานภาพสมรสของบิดามารดาและผู้ปกครองที่ดูแล ที่ส่งผลต่อความเมตตากรุณาต่อตนเองของนักศึกษาวิชาชีพครู โดยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงบรรยาย ประชากร คือ นักศึกษาวิชาชีพครู มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 3,693 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ จำนวน 400 คน ใช้วิธีการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามความเมตตากรุณาต่อตนเอง (The Self -compassion Scale: SCS) จำนวน 26 ข้อ 6 องค์ประกอบ ได้แก่ ความอ่อนโยนต่อตนเอง การตัดสินและตำหนิตนเอง การเข้าใจธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ ความรู้สึกโดดเดี่ยวและแยกตัว การมีสติตระหนักรู้ และการจมดิ่งอยู่กับอารมณ์ความรู้สึก มีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ ตรวจสอบคุณภาพด้านความเที่ยงตรงโดยผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน โดยวิธีหาดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับวัตถุประสงค์ของการวิจัย แล้วเลือกข้อคำถามที่มีค่า IOC ตั้งแต่ 0.5 ขึ้นไป และหาค่าความเชื่อมั่นด้วยวิธีของครอนบาค ได้ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถาม เท่ากับ .85 วิเคราะห์ข้อมูลด้วย F - test ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเมตตากรุณาต่อตนเองของนักศึกษาวิชาชีพครู ได้แก่ สถานภาพสมรสของบิดามารดา และผู้ปกครองที่ดูแล อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 เมื่อจำแนกรายด้านพบว่า สถานภาพสมรสของบิดามารดา 2 องค์ประกอบ มีค่าเฉลี่ยความเมตตากรุณาต่อตนเองแตกต่างกัน คือ ความอ่อนโยนต่อตนเองและความรู้สึกโดดเดี่ยวและแยกตัว ด้านผู้ปกครองที่ดูแล พบว่า มีความแตกต่างกันทั้ง 6 องค์ประกอบ ส่วนปัจจัยด้านลำดับการเกิดและรายได้ครัวเรือนพบว่าไม่แตกต่างกัน
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
จิดาภา ผูกพัน และคณะ. (2562). สุขภาวะทางจิตของเด็กวัยรุ่นที่ครอบครัวแยกทาง: การศึกษาเชิงปรากฏการณ์วิทยา. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ, 35(1), 214-233.
ทาไลลามะ และคณะ. (2561). จงมีชีวิตที่เบิกบาน แปลจาก The book of joy. (ธีรา, แปล) (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพมหานคร: อมรินทร์ธรรมมะ.
พรทิพย์ ช่วยเพล และอภิษฎาข์ ศรีเครือดง. (2562). ความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัวกับสุขภาพจิตของวัยรุ่นไทย. วารสารศิลปะศาสตร์ราชมงคลสุวรรณภูมิ, 1(3), 207-220.
วราพร เหลือสินทรัพย์ และทะยานรุ่ง เหลือสินทรัพย์. (2561). อิทธิพลของครอบครัวที่มีต่อความเครียดในวัยรุ่นกรณีศึกษา : นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง. วารสารราชนครินทร์, 15(2), 205-213.
วัชราวดี บุญสร้างสม. (2556). ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความเครียดและความสุขในนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยโดยมีความกรุณาต่อตนเองเป็นตัวแปรส่งผ่าน. ใน วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต. สาขาจิตวิทยา. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วิจิตรภาณี เจริญขวัญ. (2556). ระบบและทฤษฎีทางจิตวิทยา. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
ศรีเรือน แก้วกังวาล. (2553). จิตวิทยาพัฒนาการชีวิตทุกช่วงวัย เล่ม 2, วัยรุ่น-วัยสูงอายุ. (พิมพ์ครั้งที่ 9 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับพิมพ์เพิ่ม). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
อุมาพร ตรังคสมบัติ. (2554). จิตบำบัดและการให้คำปรึกษาครอบครัว. (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพมหานคร: ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Berryhill et al. (2018). College Student Cohesive-Flexible Family Functioning and Mental Health: Examining Gender Differences and the Mediation Effects of Positive Family Communication and Self-Compassion. The Family Journal: Counseling and Therapy for Couples and Families , 2018, 26(4), 422-432.
Cronbach, L. J. (1970). Essentials of Psychological Test. (5th ed.). New York: Harper Collins.
Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.
Lathren et al. (2021). Self-Compassion and Current Close Interpersonal Relationships : a Scoping Literature Review.Mindfulness 12, 1078–1093. Retrieved April 29, 2021, from https://doi.org/10.1007/s12671-020-01
Neff. (2022). Definition of Self- Compassion. Retrieved April 29 , 2021, from https://self-compassion.org/
Olson, D. H., & Gorall, D. M. (2003). Circumplex model of marital and family systems. In F. Walsh (Ed.), Normal family processes (pp. (3rd ed., pp. 514-548)). New York: USA : The Guilford Press.