ส่วนประสมการตลาดบริการของหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP ผ้าไหมไทย นวัตวิถี กรณีศึกษา : บ้านตะเคียน อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์
คำสำคัญ:
ส่วนประสมการตลาดการบริการ, หมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP, ผ้าไหมไทยบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อเปรียบเทียบส่วนประสมการตลาดบริการของหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP ผ้าไหมไทย นวัตวิถี กรณีศึกษา : บ้านตะเคียน อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์ โดยจำแนกตามลักษณะประชากรศาสตร์ 2. เพื่อศึกษาส่วนประสมการตลาดบริการของหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP ผ้าไหมไทย นวัตวิถี กรณีศึกษา : บ้านตะเคียน อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์ ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบ้านตะเคียน จำนวน 267 คน วิธีการเก็บข้อมูลจะใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ใช้อธิบายความถี่และร้อยละ ของข้อมูลที่ได้จากแบบสอบถามค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และการทดสอบสมมติฐานเพื่อศึกษาเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างข้อมูลพื้นฐานของผู้ตอบแบบสอบถามกับส่วนประสมการตลาดบริการของหมู่บ้านตะเคียน อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์ ใช้ค่าสถิติ t-test และใช้สถิติ F-test ด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One way Anova) ผลการวิจัย พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 30 – 40 ปี อยู่ในระดับมัธยมตอนต้นหรือต่ำกว่า สถานภาพสมรส มีระยะเวลาในการทำงาน 5-10ปี ความคิดเห็นส่วนประสมการตลาด 7Pของหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP ผ้าไหมไทย นวัตวิถี กรณีศึกษา : บ้านตะเคียน อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์ พบว่า ในภาพรวมประชาชนบ้านตะเคียนมีความคิดเห็นในด้านราคาภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาด้านผลิตภัณฑ์ ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านบุคคล ด้านลักษณะทางกายภาพ และต่ำสุดด้านกระบวนการ พบว่า เมื่อเปรียบเทียบ ส่วนประสมการตลาดบริการของหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP ผ้าไหมไทย นวัตวิถี กรณีศึกษา : บ้านตะเคียน อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์ โดยจำแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพ และระยะเวลาในการทำงาน พบว่า ระดับความคิดเห็นของประชากรบ้านตะเคียน ส่วนประสมการตลาด 7Pของหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP ผ้าไหมไทย ทั้ง 7ด้าน ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05