ภาวะผู้นำของผู้บริหารที่ส่งผลต่อความสุขในการทำงานของพนักงานบริษัทเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร

ผู้แต่ง

DOI:

https://doi.org/10.60027/iarj.2025.284906

คำสำคัญ:

ภาวะผู้นำของผู้บริหาร, ความสุขในการทำงาน, บริษัทเอกชน

บทคัดย่อ

ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: ภาวะผู้นำของผู้บริหารเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารงานในองค์การให้ประสบผลสำเร็จและมีประสิทธิภาพ การทำงานภายในองค์การจำเป็นที่จะต้องมีความสุขควบคู่ไปด้วย เพราะความสุขมีผลต่อการพัฒนาบุคคลและองค์การไปในทิศทางที่ดี อีกทั้งยังสามารถเป็นแนวทางการพัฒนาองค์การและประเทศได้ในอนาคต การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) ปัจจัยส่วนบุคคลที่ส่งผลต่อความสุขในการทำงานของพนักงานบริษัทเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร และ (2) ระดับภาวะผู้นำของผู้บริหารที่ส่งผลต่อความสุขในการทำงานของพนักงานบริษัทเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร   

ระเบียบวิธีการวิจัย: เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ คือ พนักงานบริษัทเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 385 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้สูตรของคอแครน โดยกำหนดระดับค่าความเชื่อมั่นร้อยละ 95 และระดับค่าความคลาดเคลื่อนร้อยละ 5 และใช้วิธีการสุ่มแบบบังเอิญ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลคือแบบสอบถาม  สถิติที่ใช้ในการวิเคราะข้อมูลได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที และค่าเอฟ

ผลการวิจัย: (1) ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 64.9 มีอายุ 30-39 ปี คิดเป็นร้อยละ 38.0 มีสถานภาพสมรส คิดเป็นร้อยละ 54.5 มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี คิดเป็นร้อยละ 50.9 มีประสบการณ์ในการทำงาน 10 ปีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 34.5 และมีรายได้ต่อเดือน 15,001 – 20,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 43.6 และ (2) ระดับภาวะผู้นำของผู้บริหาร โดยรวมอยู่ในระดับมาก (  = 3.92, S.D = .847) ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ภาวะผู้นำแบบสนับสนุน รองลงมาคือ ภาวะผู้นำแบบมีส่วน และภาวะผู้นำแบบมุ่งความสำเร็จ ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดคือ ภาวะผู้นำแบบสั่งการ (  = 3.90, S.D = .843)

สรุปผล: จากการศึกษาพบว่า (1) ปัจจัยส่วนบุคคลของพนักงานบริษัทเอกชนในเขตกรุงเทพมหานครที่มีอายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา ประสบการณ์ในการทำงาน และรายได้ต่อเดือน แตกต่างกัน ส่งผลต่อความสุขในการทำงานแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ (2) ภาวะผู้นำของผู้บริหารที่ส่งผลต่อความสุขในการทำงานของพนักงานบริษัทเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย ภาวะผู้นําแบบสนับสนุน และภาวะผู้นําแบบมีส่วนร่วม

References

จันทรัตน์ ชนมงคล. (2563). ปัจจัยที่มีผลต่อความสุขในการทำงานของบุคลากร สำนักงานเขตคลองสามวา. วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต.

ณัฐชนนท์ คงอยู่. (2565). การใช้อำนาจของผู้บริหารกับความสุขในการทำงานของครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 2. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร.

นฤมล เพ็ญสิริวรรณ. (2562). ปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะผู้นำของผู้บริหารเทศบาลตำบลในจังหวัดนนทบุรี. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 6(10), 2641-5658.

เนตร์พัณณา ยาวิราช. (2556). ภาวะผู้นำและผู้นำเชิงกลยุทธ์. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ: ทริปเพิ้ล.

รวินันท์ สุดเจริญ. (2563). การศึกษาความสุขในการทํางานของบุคลากรองค์การบริหารส่วน จังหวัดสมุทรสาคร. วารสารโครงการทวิปริญญาทางรัฐประศาสนศาสตร์และธุรกิจบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง. Retrieved from: http://www.mpa-mba.ru.ac.th/images/Project/treatise_bangkok14_09092021/6217950052.pdf

รุจิกร ตุลาธาร. (2565). ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารกับการเป็นองค์กรแห่งความสุขของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาญจนบุรี. คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร.

วิโรจน์ สารรัตนะ. (2557). ภาวะผู้นำ ทฤษฎี และนานาทัศนะร่วมสมัยปัจจุบัน. กรุงเทพฯ: ทิพยวิสุทธิ์.

วีรภัทร สภากาญจน์ (2565). การสร้างความสุขในการทำงานยุค NEW NORMAL. วารสาร มจร. สังคมศาสตร์ปริทรรศน์, 11(1), 403 – 404.

Cochran, W.G. 1953. Sampling Techniques. New York: John Wiley & Sons, Inc.

House, R., & Mitchell, R. (1974). Path-Goal Theory of Leadership. Journal of Contemporary Business. 9, 81-98.

Ramlall, S. (2004). A review of employee motivation theories and their implications for employee retention within organizations. Journal of American Academy of Business, Cambridge, 5(1/2), 52-63.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2025-01-24

How to Cite

ภูวคีรีวิวัฒน์ อ. ., อมรเรืองตระกูล ส. ., & โพธิวาระ ข. . (2025). ภาวะผู้นำของผู้บริหารที่ส่งผลต่อความสุขในการทำงานของพนักงานบริษัทเอกชนในเขตกรุงเทพมหานคร. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 5(1), 1077–1092. https://doi.org/10.60027/iarj.2025.284906