รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2025.280920คำสำคัญ:
รูปแบบ, การพัฒนา, คุณภาพการศึกษา, การศึกษาบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อมีผู้เรียนมากที่สุด มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบ และตัวบ่งชี้ของการบริหารจัดการสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา 2) ศึกษาสภาพปัจจุบัน และสภาพที่พึงประสงค์ และสภาพความต้องการจำเป็นการบริหารจัดการสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา 3) ออกแบบ สร้าง และพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา 4) ศึกษาผลการใช้รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา การศึกษาครั้งนี้ทำการศึกษาโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ระเบียบวิธีการวิจัย : การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ 5 คนที่ถูกคัดเลือกโดยการเลือกแบบเจาะจง รวมถึงผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการ หัวหน้าภาควิชา และครู กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้บริหารโรงเรียน 380 คน และหัวหน้าภาควิชา 380 คน รวมทั้งสิ้น 760 คน เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย: แบบประเมินความเหมาะสมขององค์ประกอบและตัวชี้วัด แบบประเมินสำหรับผู้เชี่ยวชาญ แบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ แบบสัมภาษณ์สำหรับโรงเรียนที่มีแนวปฏิบัติที่ดี การประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ และแบบประเมินผลลัพธ์ตามรูปแบบการจัดการ โดยใช้วิธีทางสถิติ เช่น ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และดัชนีลำดับความสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูล
ผลการวิจัย: ผลการศึกษาองค์ประกอบและตัวชี้วัดของการจัดการโรงเรียนเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาพบว่า มี 8 องค์ประกอบและ 17 ตัวชี้วัด โดยการประเมินความเหมาะสมโดยรวมอยู่ในระดับสูงสุด การศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์รวมถึงความจำเป็นที่ต้องปรับปรุงพบว่า สภาพปัจจุบันโดยรวมอยู่ในระดับสูง การออกแบบ สร้าง และพัฒนารูปแบบการจัดการโรงเรียนพบว่า ความเหมาะสมโดยรวมอยู่ในระดับสูงสุด ความเป็นไปได้อยู่ในระดับสูง และประโยชน์ใช้สอยอยู่ในระดับสูงสุด การศึกษาผลกระทบของรูปแบบการจัดการพบว่า: 1. การประเมินความรู้และความเข้าใจก่อนและหลังการพัฒนาแสดงให้เห็นว่าคะแนนความรู้หลังการฝึกอบรมสูงกว่าก่อนการฝึกอบรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 2. การประเมินผลลัพธ์ตามรูปแบบการจัดการโรงเรียนเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาแสดงให้เห็นว่าระดับโดยรวมก่อนการใช้รูปแบบนี้อยู่ในระดับปานกลาง
สรุปผล : ผลการวิจัยสรุปได้ว่า รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ส่งผลให้ผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการ หัวหน้าภาควิชา และครู กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้บริหาร ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีความพร้อมในการดําเนินกิจกรรมการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
References
กานต์ธีรา ภูริวิกรัย. (2564). การศึกษาโลกในศตวรรษที่ 21 : ระบบยังเหลื่อมล้ำ การเรียนรู้ยังวิกฤต. Retrieved from: https://www.eef.or.th/global-education/.
จรัญ น่วมมะโน. (2562). การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษสำหรับโรงเรียนมัธยมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วิทยานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการนิเทศการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ทัศนีย์ รัตนสุวรรณ. (2560). การพัฒนารูปแบบการบริหารงานของสถานศึกษาเอกชนขั้นพื้นฐานที่มีประสิทธิผล. ปริญญานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต: มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช.
ธีระ รุญเจริญ. (2553). ความเป็นมืออาชีพในการจัดและบริหารการศึกษายุคปฏิรูปการศึกษา (ฉบับปรับปรุง) เพื่อปฏิรูปรอบสองและประเมินภายนอกรอบสาม. กรุงเทพฯ : ข้าวฟ่าง.
นพพงษ์ บุญจิตราดุลย์. (2557). หลักการและทฤษฎีการบริหารการศึกษา. กรุงเทพฯ: ตีรณสาร.
บุญชม ศรีสะอาด. (2553). การวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 8). กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
วินุลาศ เจริญชัย. (2562). การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการองค์การสมรรถนะสูงเพื่อพัฒนาคุณภาพ การศึกษาในสถานศึกษา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
วิโรจน์ สารรัตนะ. (2542). การบริหาร หลักการ ทฤษฎี และประเด็นทางการศึกษา. กรุงเทพฯ : ทิพย์วิสุทธิ์.
ศุภลักษณ์ เศษธะพานิช. (2550). การพัฒนาระบบการบริหารที่มุ่งเน้นความเป็นเลิศของสถานศึกษาเอกชน.วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาบริหารการศึกษาบัณฑิตวิทยาลัย: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สมกิต บุญยะโพธิ์. (2555). รูปแบบการบริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสู่ความเป็นเลิศ. ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต ปร.ด. (การบริหารการศึกษา) นครปฐม: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร
สันวิช แก้วมี. (2561). การบริหารสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม สังกัดสํานักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการศึกษาเอกชนในทศวรรษหน้า. วิทยานิพนธ์ตามหลักสูตรปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต : มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์จังหวัดปทุมธานี
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). การศึกษาไทยในยุคโลกาภิวัตน์: สู่ความก้าวหน้าและความมั่นคงของชาติในศตวรรษ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ครุสภาลาดพร้าว, 2551.
สุธรรม ธรรมทัศนานนท์. (2554). หลักการ ทฤษฎีและนวัตกรรมการบริหารการศึกษา. มหาสารคาม : โรงพิมพ์สารคามคามการพิมพ์.
สุพริศร์ สุวรรณิก. (2564). โลกจะเปลี่ยนไปอย่างไรหลังวิกฤตโควิด-19 จบลง. กรุงเทพฯ: ฝ่ายเศรษฐกิจมหัพภาคธนาคารแห่งประเทศไทย.
สุพิศ โสภา. (2560). การบริหารสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนขนาดกลางสังกัด ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาเขต 25 จังหวัดขอนแก่น: กรณีศึกษา โรงเรียน แวงใหญ่วิทยาคม. วารสารวิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย. 7(2), 84-94
อภิชญา สังกะคำ และธรินทร นามวรรณ. (2564). แนวทางการพัฒนาการบริหารวิชาการสู่การเป็นโรงเรียนคุณภาพ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 1. วารสารพุทธปรัชญาวิวัฒน์, 5(2), 95-101.
เอกธิป สุขวารี. (2554). ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในเพื่อการดำเนินการที่เป็นเลิศสำหรับสถาบันอุดมศึกษา. วิทยานิพนธ์ (สาขาวิชาบริหารการศึกษา): จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Austin, G.E., Reynolds, D. (1990). Managing for improved school effectiveness: An international survey. School Organization, 10 (3), 167 – 178.
Baskett, S., & Miklos, E. (1992). Perspectivesof effective principals. The Canadian. Administrator, 32(1), 1-10.
Bawany, S. (2018). Leading in a disruptive VUCA world. New York: Business Expert Press.
Sergiovanni, T.J. (1998). Leadership as Pedagogy, Capital Development and School Effectiveness. International Journal of Leadership in Education, 1(1), 37-46.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2025 Interdisciplinary Academic and Research Journal

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ