การส่งเสริมพัฒนาครูด้านความก้าวหน้าทางวิชาชีพ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2024.276227คำสำคัญ:
การส่งเสริมพัฒนาครู; , ความก้าวหน้าทางวิชาชีพ; , นราธิวาสบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การศึกษาเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการพัฒนามนุษย์ สังคม และประเทศชาติ โดยทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ ซึ่งสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในศตวรรษที่ 21 งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของบุคลากรเกี่ยวกับการส่งเสริมการพัฒนาครูด้านความก้าวหน้าทางวิชาชีพ ภายใต้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3 โดยจะแบ่งแยกตามวิทยฐานะ ขนาดสถานศึกษา และประสบการณ์ในการทำงาน รวมถึงการศึกษาหาแนวทางในการส่งเสริมการพัฒนาครูในด้านนี้อีกด้วย
ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยครูจากโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3 จำนวน 322 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแบบสอบถามที่มีค่า IOC อยู่ในช่วง 0.80 – 1.00 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.73 นอกจากนี้ ยังมีการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างเพื่อเก็บข้อมูลอีกด้วย สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลนั้น ใช้สถิติ ต่าง ๆ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) และค่าเอฟ (F-test)
ผลการศึกษา: ผลการวิจัยพบว่า (1) การส่งเสริมพัฒนาครูด้านความก้าวหน้าทางวิชาชีพในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3 โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในแต่ละด้าน พบว่า การส่งเสริมพัฒนาครูด้านนี้มีระดับความก้าวหน้าอยู่ในระดับมากทุกด้าน (2) ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบการส่งเสริมพัฒนาครูตามวิทยฐานะ ขนาดสถานศึกษา และประสบการณ์ในการทำงาน พบว่าไม่มีความแตกต่างกัน (3) สำหรับแนวทางในการพัฒนาการส่งเสริมการก้าวหน้าทางวิชาชีพของครูในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3 ควรส่งเสริมให้ครูยื่นขอวิทยฐานะในระดับที่สูงขึ้น จัดสรรงบประมาณในการเลื่อนเงินเดือนอย่างเป็นธรรม และส่งเสริมให้บุคลากรมีความรู้จักและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
สรุป: การส่งเสริมพัฒนาครูด้านความก้าวหน้าทางวิชาชีพในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3 ควรมีการสนับสนุนให้บุคลากรมีความรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ควรกระตุ้นให้บุคลากรกำหนดเป้าหมายในการทำงาน ส่งเสริมให้มีการฝึกฝนทักษะการนำเสนอในทุกโอกาสที่สามารถทำได้ และสนับสนุนให้บุคลากรศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการสอนและการพัฒนาอาชีพของตนเองต่อไป
References
เจษฎา มหาโคตร. (2565). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในอาชีพของข้าราชการครูวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดบึงกาฬ. วารสารศรีล้านช้างปริทรรศน์, 8(1), 73 -87.
ธนาพล บัวคำโคตร. (2563). แนวทางพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 โดยใช้แนวคิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 33. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 7(8), 89 -103.
นารีรัตน์ รักวิจิตรกุล. (2560). การพัฒนาวิชาชีพครู. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 11(1), 21-33.
บุญชม ศรีสะอาด. (2553). การวิจัยเบื้องต้น. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
พรชนก ศิริพฤกษ์พงษ์. (2565). แนวทางการเสริมสร้างความก้าวหน้าในอาชีพตามความต้องการของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1.วารสารมหาจุฬาวิชาการ, 9(1), 145 -163.
ภัทรคุณ บุญดุฉาว. (2564). บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในการส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิชาชีพของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 41. ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต การบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยนเรศวร.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3. (2566). แผนปฏิบัติการการจัดการศึกษา ประจำปี 2566. ชลบุรี : สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3.
สำนักงานคณะกรรมข้าราชการพลเรียน. (2550). เส้นทางความก้าวหน้าทางอาชีพ. กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมข้าราชการพลเรียน.
สุวรรลี บินสเล. (2563). การพัฒนาระบบสารสนเทศงานพัฒนาบุคลากรเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าในวิชาชีพของครู โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ 2. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม, 19(1), 84 – 92.
อารีรัตน์ ลำเจียกมงคล. (2554). ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการพัฒนาความก้าวหน้าในอาชีพของกลุ่มวิชาชีพครูในสังกัดเทศบาล กลุ่มการศึกษาท้องถิ่นที่ 1. การค้นคว้าอิสระศิลปศาสตร มหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการภาครัฐและเอกชน, มหาวิทยาลัยศิลปากร.
Gattiker, U. E., & Larwood, L. (1986). Subjective career success: A study of managers and support personnel. Journal of Business and Psychology, 1(2), 78–94. https://doi.org/10.1007/BF01018805
Krejcie, Robert V., & Morgan, Daryle W. (1970). Determining sample size for research activities. Education and Psychological Management, 30(3), 607-610.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2024 Interdisciplinary Academic and Research Journal

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ