การบริหารจัดการด้านการสร้างระเบียบวินัยนักเรียนของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2024.276167คำสำคัญ:
การบริหารจัดการ; , การสร้างระเบียบวินัยนักเรียนบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ: 1) ศึกษาและเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของบุคลากรเกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านการสร้างระเบียบวินัยของนักเรียนในสถานศึกษาที่อยู่ภายใต้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ โดยจำแนกตามเพศ ขนาดของสถานศึกษา และตำแหน่งทางวิชาการ และ 2) สำรวจแนวทางในการพัฒนาการบริหารจัดการด้านการสร้างระเบียบวินัยนักเรียนในสถานศึกษาที่อยู่ภายใต้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์
ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยนี้ประกอบด้วยบุคลากรที่สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ จำนวน 349 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแบบสอบถามที่มีค่า IOC อยู่ระหว่าง 0.80 – 1.00 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.79 รวมถึงการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติ เช่น ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) และค่าเอฟ (F-test)
ผลการศึกษา: ผลการวิจัยพบว่า (1) การบริหารจัดการด้านการสร้างระเบียบวินัยของนักเรียนในสถานศึกษาที่สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ โดยรวมอยู่ในระดับมาก ซึ่งเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าการบริหารจัดการในทุกด้านอยู่ในระดับมากเช่นกัน (2) ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบการบริหารจัดการด้านการสร้างระเบียบวินัยของนักเรียน จำแนกตามเพศและขนาดของสถานศึกษา พบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนการจำแนกตามตำแหน่งทางวิชาการ พบว่าไม่มีความแตกต่าง (3) . แนวทางในการพัฒนาการบริหารจัดการด้านการสร้างระเบียบวินัยนักเรียนในสถานศึกษาที่สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ พบว่าควรมีการศึกษาสาเหตุของปัญหา ใช้วัฒนธรรมในสังคมเพื่อเสริมสร้างวินัยนักเรียน กำหนดและจัดกิจกรรมต่าง ๆ นอกหลักสูตรเพื่อเสริมสร้างวินัยนักเรียน เสริมสร้างคุณธรรมภายในชั้นเรียน และสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการส่งเสริมวินัยนักเรียน
สรุปผล: การศึกษานี้เน้นย้ำถึงประสิทธิผลของการจัดการวินัยนักศึกษาในสถาบันการศึกษาของจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการจัดการโดยรวมมีความแข็งแกร่งในทุกด้าน นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นของแนวทางเชิงวัฒนธรรม กิจกรรมนอกหลักสูตร และเครือข่ายความร่วมมือเพื่อปรับปรุงวินัยนักศึกษา ขณะเดียวกันก็จัดการกับด้านที่ระบุไว้เพื่อการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
References
เกษรา เพิ่มสุขรุ่งเรือง และ ชุมศักดิ์ อินทร์รักษ์. (2563). การเสริมสร้างวินัยนักเรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษา. วิทยานิพนธ์ดุษฎีบัณฑิต ภาควิชาการบริหารการศึกษาบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560). กรุงเทพฯ : กระทรวงศึกษาธิการ.
ณัฐพงศ์ ดาราเพ็ญ. (2564). การศึกษาการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในกระบวนการเสริมสร้างระเบียบวินัยนักเรียน โรงเรียนเมืองศรีเทพ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 40. วารสารครุศาสตร์, 4(1), 34 -50.
ธวาทิตย์ ทองทับ. (2565). ความต้องการจำเป็นในการบริหารงานกิจการนักเรียนโรงเรียนสังกัดเทศบาลตำบลปลายบาง จังหวัดนนทบุรี ตามแนวคิดการสร้างวินัยเชิงบวก. วารสาร มจร อุบลปริทรรศน์, 7(3), 767 -778
ธัญญลักษณ์ เวชกามา. (2560). การพัฒนาการดำเนินงานเสริมสร้างวินัยด้านความรับผิดชอบของนักเรียน โรงเรียนบ้านท่าเยี่ยมวิทยายล อำเภอเมืองยาง จังหวัดนครราชสีมา. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยนอร์ท กรุงเทพ.
ธีร์ธัช เกษโร. (2564). รูปแบบการบริหารกิจกรรมนักเรียนเพื่อเสริมสร้างวินัยนักเรียนด้านความรับผิดชอบของโรงเรียนในกลุ่มเครือข่ายสถานศึกษาที่ 1 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 3. วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬาขอนแก่น, 8(3), 210 -221.
บุญชม ศรีสะอาด. (2553). การวิจัยเบื้องต้น. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
สุรศักดิ์ เพ่งพิศ. (2565). การบริหารจัดการกิจกรรมพัฒนานักเรียนด้านความมีวินัยในตนเองของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุรินทร์. วารสารสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 9(1), 503 – 512.
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607–610.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2024 Interdisciplinary Academic and Research Journal

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ