การศึกษาเพื่อพัฒนารูปแบบการดำเนินงานระบบบริการปฐมภูมิในเขตเมืองของจังหวัดสมุทรปราการ

ผู้แต่ง

  • ประกิจ วงค์ประเสริฐ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ https://orcid.org/0009-0002-1591-9944

DOI:

https://doi.org/10.60027/iarj.2023.272477

คำสำคัญ:

ระบบบริการปฐมภูมิ;, เขตเมือง;, ระบบบริการสุขภาพ; , การพัฒนารูปแบบ

บทคัดย่อ

ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: ระบบบริการปฐมภูมิเป็นรากฐานสำคัญของระบบบริการสุขภาพ หากระบบบริการปฐมภูมิมีความเข้มแข็งย่อมจะทำให้ระบบบริการสุขภาพมีประสิทธิภาพ ประชาชนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกันมากขึ้นและโรงพยาบาลสามารถลดความแออัดได้เป็นอย่างดี การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาสถานการณ์การดำเนินงานระบบบบริการปฐมภูมิในเขตเมืองของจังหวัดสมุทรปราการ (2) เพื่อพัฒนารูปแบบการดำเนินงานปฐมภูมิในเขตเมือง ของจังหวัดสมุทรปราการ และ (3) เพื่อนำรูปแบบการพัฒนาการดำเนินงานปฐมภูมิในเขตเมืองของจังหวัดสมุทรปราการไปทดลองปฏิบัติ

ระเบียบวิธีการวิจัย: รูปแบบการวิจัยและการพัฒนา (Research and Development) ดำเนินการวิจัยทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ งานวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ประชาชนในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองบางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จำนวน 400 คน เครื่องมือใช้ แบบสำรวจความคิดเห็นความต้องการระบบบริการสุขภาพและความคาดหวังในการบริการสุขภาพที่พึงประสงค์ของประชาชนในพื้นที่เทศบาลเมืองบางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจกแจงความถี่และร้อยละ งานวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูลหลัก ประกอบด้วยกลุ่มผู้ให้บริการ จำนวน 20 คน กลุ่มเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ จำนวน 20 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการ สนทนากลุ่ม (Focus group) และสัมภาษณ์เชิงลึก(In-depth interview) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้วิธีการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content Analysis)

ผลการวิจัย: (1) สถานการณ์การดำเนินงานระบบบริการปฐมภูมิในเขตเมืองของจังหวัดสมุทรปราการ ลักษณะการให้บริการเป็นแบบเชิงรับมากกว่าเชิงรุก ด้วยข้อจำกัดด้านพื้นที่เขตเมืองที่มีความซับซ้อน ประชากรที่มีการปกครองตามทะเบียนราษฎร์และประชากรแฝงรวมทั้งภาระหน้าที่ที่มีจำนวนมากและบุคลากรมีจำนวนจำกัด ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ได้แก่ ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงหลักประกันด้านสุขภาพ ความเชื่อมโยงของระบบส่งต่อจากการบริหารจัดการที่เน้นเชิงรับ มุ่งเน้นการรักษา จึงทำให้ขาดความพยายาม ในการดูแลปัญหาของผู้ป่วยในระยะยาว (2) การพัฒนารูปแบบการดำเนินงานปฐมภูมิเขตเมืองในเขตเมือง ของจังหวัดสมุทรปราการ รูปแบบการดำเนินงานควรจัดให้มีศูนย์สุขภาพชุมชนในพื้นที่ให้ครอบคลุม เพื่อให้บริการสุขภาพที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างประชาชนกับระบบบริการสุขภาพที่อยู่ใกล้บ้าน เป็นบริการที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ การวางแผน การจัดหางบประมาณ ร่วมให้บริการ ร่วมติดตามประเมินผลและตรวจสอบ และ (3) การนำรูปแบบที่ได้จากกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันไปทดลองปฏิบัติกำหนดให้มีคณะกรรมการระบบสุขภาพระดับพื้นที่เป็นผู้กำหนดนโยบายจัดสรรทรัพยากร การจัดระบบสนับสนุนทีมบุคลากรสหวิชาชีพ ระบบยาและเวชภัณฑ์ระบบงบประมาณและจัดทำแผนการเงิน ระบบรับและส่งผู้ป่วย การจัดบริการเชิงรับในหน่วยบริการ ดังนั้นระบบบริการสุขภาพที่มีประสิทธิภาพควรรองรับความต้องการของประชาชน สอดคล้องตามบริบท ที่ก่อให้เกิดการดูแลขั้นพื้นฐานใน 3 ด้านหลัก คือการยกระดับสุขภาพของประชาชนที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบ การตอบสนองต่อความคาดหวังของประชาชน มีการเร่งรัดการจัดระบบ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาให้สามารถรองรับกับความต้องการของประชาชนสอดคล้องตามบริบท และตอบสนองต่อปัญหาสุขภาพของประชาชน ในชุมชนเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปผล: การดำเนินงานระบบบริการปฐมภูมิในเขตเมืองของจังหวัดสมุทรปราการมีลักษณะการให้บริการเชิงรับมากกว่าเชิงรุกเนื่องจากความซับซ้อนของพื้นที่เขตเมือง ประชากรที่มีการปกครองตามทะเบียนราษฎร์และประชากรแฝง และประชากรที่มีภาระหน้าที่มาก การแนะนำเรื่องรูปแบบการดำเนินงานในเขตเมืองที่รวมศูนย์สุขภาพชุมชนสามารถเป็นทางเลือกที่ดีโดยอย่างเฉพาะในการครอบคลุมการบริการสุขภาพของประชาชนและเพิ่มความมุ่งเน้นการรักษาความเชื่อมโยงของระบบบริการสุขภาพในระยะยาว นอกจากนี้การนำรูปแบบที่ได้จากกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันไปทดลองปฏิบัติด้วยคณะกรรมการระบบสุขภาพระดับพื้นที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระบบบริการสุขภาพที่รองรับความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องตามบริบทที่ส่งผลให้เกิดการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพในชุมชนเมือง

เอกสารอ้างอิง

จรวยพร ศรีศลักษณ์และสายสิริ อิสรชาญวานิชย์. (2558). การปฏิรูประบบสุขภาพและการกระจาย อำนาจด้านสุขภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข.

บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์. (2534). สถิติเพื่อการวิจัย. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: จามจุรีโปรดักส์.

ภูดิท เตชาติวัฒน์และคณะ. (2560). การสังเคราะห์ทางเลือกของการพัฒนาระบบบริการสุขภาพเขตเมืองเขตสุขภาพที่ 3. นนทบุรี: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข.

วริศา พานิชเกรียงไกร และคณะ. (2560). การจัดการระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิในเขตเมือง กรณีศึกษาจังหวัด นครราชสีมาและจังหวัดบุรีรัมย์. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข. 11 (2), 221-237.

สถาบันวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน (สพช.). (2558). บทเรียนการบริการสุขภาพปฐมภูมิในเขตเมือง. กรุงเทพฯ : สถาบันวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทราปราการ.(2563). สรุปรายงานประจำปี 2563. สมุทรปราการ: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทราปราการ.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทราปราการ.(2564). สรุปรายงานประจำปี 2564. สมุทรปราการ: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทราปราการ.

สำนักวิจัยเพื่อการพัฒนาหลักประกันสุขภาพไทย(สวปก.). (2552). ระบบบริการปฐมภูมิ (Primary Health Care). Retrieved from: https://kb.hsri.or.th/dspace/handle/11228/473

สุรินทร์ กู้เจริญประสิทธิ์ และพรเทพ ศิริวนารังสรรค์. (2561). การจัดระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิในเขตเมือง กรณีศึกษาพื้นที่กรุงเทพมหานคร 2560.วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย. 8(2),182-90.

Sritart, S., Tuntiwong, K., Miyazaki, H., & Taertulakarn, S. (2021). Disparities in Healthcare Services and Spatial Assessments of Mobile Health Clinics in the Border Regions of Thailand. Int. J. Environ. Res. Public Health, 18(20), 10782; https://doi.org/10.3390/ijerph182010782.

Macinko, J., Starfield, B., & Shi, L. (2007). Quantifying the Health Benefits of Primary Care Physician Supply in the United States. International Journal of Health Services. 37(1), 111-126. doi:10.2190/3431-G6T7-37M8-P224

Starfield, B. (1998). Primary Care: Concept, Evaluation, and Policy. Oxford University Press.

Strauss, A.L., & Corbin, J. (1990). Basics of Qualitative Research: Techniques and Procedures for Developing Grounded Theory. Sage Publications, Inc.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2023-11-29

รูปแบบการอ้างอิง

วงค์ประเสริฐ ป. . (2023). การศึกษาเพื่อพัฒนารูปแบบการดำเนินงานระบบบริการปฐมภูมิในเขตเมืองของจังหวัดสมุทรปราการ. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 3(6), 561–576. https://doi.org/10.60027/iarj.2023.272477

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ