การจัดการความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเครื่องดนตรีขิมสู่การพัฒนาทักษะชีวิตและอาชีพสำหรับนักเรียน ในตำบลทุ่งฝาย จังหวัดลำปาง

ผู้แต่ง

  • ดวงจันทร์ แก้วกงพาน คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง https://orcid.org/0009-0005-0499-4924
  • วราภรณ์ ภูมลี คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง https://orcid.org/0009-0002-0853-6793
  • ชิสาพัชร์ ชูทอง คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง https://orcid.org/0000-0003-2937-4084
  • ศิญาพัฒน์ เสนจันทร์ฒิไชย คณะอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง https://orcid.org/0009-0006-0850-3886
  • ดวงพร อุ่นจิตต์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง https://orcid.org/0000-0002-7431-6206
  • สมศักดิ์ ก๋าทอง คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง https://orcid.org/0000-0002-8458-3738
  • กนกพร ศรีวิชัย คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง https://orcid.org/0009-0006-7786-1193
  • หฤทัย ไทยสุชาติ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง https://orcid.org/0000-0002-2019-6069
  • พรสวรรค์ มณีทอง คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง https://orcid.org/0009-0008-6969-7295

DOI:

https://doi.org/10.14456/iarj.2023.205

คำสำคัญ:

การจัดการความรู้; , เครื่องดนตรีขิม;, ทักษะชีวิตและอาชีพ; , ภูมิปัญญาท้องถิ่น

บทคัดย่อ

พื้นที่บ้านแม่ทะ ตำบลทุ่งฝาย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เป็นพื้นที่มีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อผลิตเครื่องดนตรีไทย (ขิม) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้าน และผลิตภัณฑ์ที่สร้างอาชีพและรายได้ให้ราษฎรแทบทุกครัวเรือน กลุ่มอาชีพทำขิม จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2539 ซึ่งมีปราชญ์ชาวบ้านและผู้ประกอบการทำขิมถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ของจังหวัดลำปาง บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) จัดการความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเครื่องดนตรีขิมในตำบลทุ่งฝาย จังหวัดลำปาง 2) ส่งเสริมการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเครื่องดนตรีขิมสู่การพัฒนาทักษะชีวิตและอาชีพสำหรับนักเรียนในตำบลทุ่งฝาย จังหวัดลำปาง และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเครื่องดนตรีขิม สู่การพัฒนาทักษะชีวิตและอาชีพสำหรับนักเรียนในตำบลทุ่งฝาย จังหวัดลำปาง รูปแบบวิจัยแบบผสานวิธี ระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ กลุ่มเป้าหมาย ปราชญ์ชาวบ้านภูมิปัญญาท้องถิ่นเครื่องดนตรีขิม กลุ่มผู้ประกอบการทำขิมบ้านแม่ทะ สถาบันการศึกษาในตำบลทุ่งฝาย และนักเรียนในตำบลทุ่งฝาย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถาม 2) แบบสัมภาษณ์ 3) แบบสำรวจ 4) การสนทนากลุ่ม โดยเก็บข้อมูลจากปราชญ์ชาวบ้าน ผู้ประกอบการผลิตเครื่องดนตรีขิม และบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่ และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน นำเสนอด้วยตาราง และอธิบายเพิ่มเติม และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ วิเคราะห์ข้อคำถามปลายเปิดด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา จากนั้น วิเคราะห์และจัดหมวดหมู่ความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาท้องถิ่นเครื่องดนตรีขิมและให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความถูกต้อง ผลการวิจัยพบว่า 1) การจัดการความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเครื่องดนตรีขิมในดำเนินการจัดการความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเครื่องดนตรีขิม ซึ่งเป็นระบบในการแสวงหาความรู้ การสร้างความรู้หรือนวัตกรรมและการจัดเก็บความรู้อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเครื่องดนตรีขิม 2) การส่งเสริมการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเครื่องดนตรีขิมสู่การพัฒนาทักษะชีวิตและอาชีพสำหรับนักเรียนเป็นขั้นตอนที่นำความรู้ที่ได้จากการจัดการความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเครื่องดนตรีขิม มาออกแบบเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตและอาชีพ สำหรับนักเรียน และ 3) ความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเครื่องดนตรีขิมสู่การพัฒนาทักษะชีวิตและอาชีพสำหรับนักเรียนพบว่า ภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก และจากการวิเคราะห์คุณภาพแล้ว ทำให้เห็นว่า ชุมชนสามารถผลิตเครื่องดนตรีขิมเป็นอาชีพได้และต้องการสืบทอดให้คงอยู่ ทั้งนี้ยังขับเคลื่อนโดยเยาวชนในโรงเรียนของชุมชน จากการวิจัยครั้งนี้ให้มีการขับเคลื่อนในหลักสูตรการเรียนการสอนอย่างเป็นรูปธรรมให้เห็นถึงคุณค่าของภูมิปัญญาในท้องถิ่นที่สร้างสุนทรียภาพแก่ผู้เรียนโดยการบรรเลงเครื่องดนตรีขิมของชุมชนกล่อมเกลาจิตใจและความภาคภูมิใจของชุมชน

เอกสารอ้างอิง

กุสุมา พรหมคุณ และอาทิตย์โคชขึง. (2561). การพัฒนาและสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น : การจัดการเรียนรู้เพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์การทอเสื่อจากถุงพลาสติกที่เหลือใช้ ด้วยนวัตกรรมใหม่ ระหว่างโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม) กับชุมชนอำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม. วารสารพัฒนศิลป์วิชาการ. 2(2), 165-180.

คณะอนุกรรมการการปฏิรูปการเรียนรู้. (2543). ปฏิรูปการเรียนรูผู้เรียนสำคัญที่สุด. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.

ณวิญ เสริฐผล. (2563). การดำรงอยู่ของภูมิปัญญาท้องถิ่นในสังคมโลกาภิวัตน์. วารสารบัณฑิตแสงโคมคำ. 5(2), 313-331.

ณิชมน ภมร และพัชรี ตันติวิภาวิน. (2563). การจัดการความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านวัฒนธรรม อาหารพื้นบ้านภาคเหนือตอนบนของไทย. วารสารรังสิตบัณฑิตศึกษาในกลุ่มธุรกิจ และสังคมศาสตร์. 6(2), 28-44

ณิรดา เวชญาลักษณ์. (2559). การพัฒนาผู้เรียนโดยใช้โครงการศึกษาแหล่งเรียนรู้. วารสารบัณฑิตศึกษา. 13(63), 1-10.

บุญชม ศรีสะอาด. (2556). การวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.

ประยูร บุญใช้ และภูมิพงศ์ จอมหงส์พิพัฒน์. (2558). การวิจัยและพัฒนาการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการโดยใช้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นเป็นฐาน สำหรับสถานศึกษาในชุมชนรอบหนองหาร จังหวัดสกลนคร. วารสารบัณฑิตศึกษา. 12(58), 185-194.

ลักษณา เกยุราพันธ์. (2561). รูปแบบการจัดการความรู้ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่น กรณีศึกษา: อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก. วารสารวิจัยและพัฒนา วไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์. 13(2), 75-85.

สมบัติ สุวรรณพิทักษ์. (2551). พัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอนการศึกษานอกระบบ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

สำลี รักสุทธี. (2544). เทคนิควิธีการจัดการเรียนการสอนและเขียนแผนการสอน โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ. กรุงเทพฯ: พัฒนาศึกษา.

สุชาดา พงศ์กิตติวิบูลย์. (2561). พลวัตการสืบทอดและการผลิตซ้ำสื่อวัฒนธรรม ประเพณีวิ่งควายในยุคโลกาภิวัตน์. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร. 9(2), 45-59.

สุชาดา วงศ์สวาสดิ์ และสุชาฎา คล้ายมณี. (2562). ความพึงพอใจของนักศึกษาต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แหล่งเรียนรู้ในชุมชนในวิชาพหุวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์. 6(9), 4511-4526.

สุภาพร ลามะให, ทิพาพร สุจารี, พงศ์ธร โพธิ์พูลศักดิ์. (2566). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ มีส่วนร่วมของภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพของผู้เรียนในสถานศึกษา ในสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 1. วารสารสหวิทยาการวิจัยและวิชาการ. 3(3), 381-400.

สุมาลี สังข์ศรี และพัชราวลัย สังข์ศรี. (2565). การเรียนรู้ตลอดชีวิตสาหรับบุคคลทุกช่วงวัยในสังคมไทย. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยธนบุรี. 16(2), 158-170.

อภิชาติ ใจอารีย์. (2557). รูปแบบการจัดการความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นการแปรรูปหน่อไม้ของชุมชนบ้านพุเตย จังหวัดกาญจนบุรี. วารสารการเมืองการปกครอง. 4(2), 247-285.

อัยนา ภูยุทธานนท์. (2566). การจัดการพื้นที่ด้วยอาหาร “มะตะบะปูยุด” จังหวัดปัตตานี เพื่อพัฒนาอัตลักษณ์ ส่งเสริมคุณค่าและสร้างมูลค่าเพิ่มทางการตลาดไปสู่การสร้างวิสาหกิจชุมชน. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยธนบุรี. 17(2), 1-13.

Glaser, B.G., & Strauss, A.L. (1967). The discovery of grounded theory: Strategies for qualitative research.

Merriam, S.B. (1998). Qualitative research and case study applications in education. San Francisco: Josset-Bass.

World Health Organization. (1999). Partners in Life Skills Education. Geneva: WHO.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2023-08-04

รูปแบบการอ้างอิง

แก้วกงพาน ด. ., ภูมลี ว. ., ชูทอง ช. ., เสนจันทร์ฒิไชย ศ. ., อุ่นจิตต์ ด. ., ก๋าทอง ส. ., ศรีวิชัย ก. ., ไทยสุชาติ ห. ., & มณีทอง พ. . (2023). การจัดการความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเครื่องดนตรีขิมสู่การพัฒนาทักษะชีวิตและอาชีพสำหรับนักเรียน ในตำบลทุ่งฝาย จังหวัดลำปาง. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 3(4), 519–538. https://doi.org/10.14456/iarj.2023.205

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ