การพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบ MEAs ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ร่วมกับแอพพลิเคชั่น Kahoot ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
DOI:
https://doi.org/10.14456/iarj.2023.1ึ73คำสำคัญ:
การจัดการเรียนรู้แบบ MEAs; , ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน; , ทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์; , แอพพลิเคชั่น Kahootบทคัดย่อ
การจัดการเรียนแบบ Model Eliciting Activities (MEAs) เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาได้โดยการแปลงปัญหาจากโลกแห่งความจริงเป็นปัญหาทางคณิตศาสตร์แล้วเชื่อมโยงความรู้ทางคณิตศาสตร์สู่การแก้ปัญหาหรือที่เรียกว่าการสร้างตัวแบบเชิงคณิตศาสตร์ การเชื่อมโยงทางคณิตศาสตร์ในรูปแบบต่างๆโดยนักเรียนสามารถนำไปปรับใช้เพื่อสร้างความมั่นใจในการทำงานและแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ตลอดจนสถานการณ์ชีวิตประจำวันได้ ดังนั้นการวิจัยนี้เป็นการพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบ MEAs ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ร่วมกับแอพพลิเคชั่น Kahoot ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบ MEAs เรื่องสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ร่วมกับแอพพลิเคชั่น Kahoot ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้แบบ MEAs ร่วมกับแอพพลิเคชั่น Kahoot 3) เพื่อเปรียบเทียบทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้แบบ MEAs ร่วมกับแอพพลิเคชั่น Kahoot กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1/7 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนบัวขาว จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 33 คน ได้มาโดยการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (cluster random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสังเกตทักษะการแก้ปัญหา ทางคณิตศาสตร์ สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การหาประสิทธิภาพ E1/E2 และ t-test dependent ผลการวิจัย พบว่า 1) การจัดการเรียนรู้แบบ MEAs เรื่องสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ร่วมกับแอพพลิเคชั่น Kahoot ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ (E1/E2) เท่ากับ 75.78/76.30 แสดงว่า การจัดการเรียนรู้แบบ MEAs เรื่องสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวร่วมกับแอพพลิเคชั่น Kahoot มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) ทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
ขวัญหทัย พิกุลทอง. (2562). Model Eliciting Activities การจัดการเรียนรู้ทางคณิตศาสตร์เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาสำหรับนักเรียนไทยในยุคการศึกษา 4.0. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 21(3), 342-355.
ชัยยงค์ พรหมวงศ์ (2556) การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย. 5(1), 5-20.
ชูศรี วงศ์รัตนะ (2560) เทคนิคการใช้สถิติเพื่อการวิจัย. (พิมพ์ครั้งที่ 13). ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ธัญญ์ฐิตา วงษ์เคี่ยม และพาสนา จุลรัตน. (2563). ผลของการใช้โปรแกรม Model – Eliciting Activities เพื่อเสริมสร้างความคิด สร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. วารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. 37(101), 202-215.
พรพิมล แก้วฟุ้งรังษี. (2564). คู่มือประกอบการอบรมหลักสูตรสร้างกิจกรรมการเรียนแบบมีส่วนร่วม. Retrieved from: https://www.digital.cmru.ac.th
วิฬาร์ เลิศสมิตพร. (2558). ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแนว Model-Eliciting Activities ที่มีต่อความสามารถในการถ่ายโยงการเรียนรู้และความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ศุภกร กองเป้า และอัจฉริยา พรมท้าว. (2565). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT ร่วมกับโปรแกรม Kahoot เรื่อง ประเด็นสำคัญทางประวัติศาสตร์ไทย สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4. ใน อภิเศก ปั้นสุวรรณ (บ.ก.), NEW NORMAL, NEW THINKING, NEW CHALLENGES. การประชุมวิชาการระดับชาติ SMARTS ครั้งที่ 11 (น. 619-630). คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ศุภกร กองเป้า และอัจฉริยา พรมท้าว. (2565). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT ร่วมกับโปรแกรม Kahoot เรื่อง ประเด็นสำคัญทางประวัติศาสตร์ไทย สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ(องค์การมหาชน). (2564). รายงานประจำ ปี 2564. สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ(องค์การมหาชน). Retrieved from: https://www.niets.or.th/uploads/content_pdf/pdf_1571281594.pdf
สุวพัชร โพธิ์ปิ่น. (2564). การจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด Model Eliciting Activities เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สุวพัชร โพธิ์ปิ่น. (2565). การจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด Model Eliciting Activities เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2. วารสารวิจัยรำไพพรรณี มหาวิทยาลัยศิลปากร, 16(1), 190-199.
Eric, & Ming, C.C., (2008). The Use of Mathematical Modelling Tasks to Developing Creativity. Proceedings of the Discussing Group 9 Promoting Creativity for all students in Mathematics Education of the 11th International Congress on Mathematical Education. Mexico, 207 – 216.
Lesh, R. & English, L. D. (2005). Trends in the evolution of models and modeling perspectives on mathematical learning and problem-solving. In H. Chick & J. Vincent (Eds.), Proceedings of the 29th Annual Conference of the International Group F.
Showalter, Q. (2008). The effect of model-eliciting activities on problem-solving process and student disposition toward mathematics. United States: University of Kansas.
Wahyuningrum, E., & Suryadi, D. (2014). Association of Mathematical Communication and Problem-Solving Abilities: Implementation of MEAs Strategy in Junior High School. SAINSAB, 17(1), 38-50.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 Kitsadakorn Chotchan, Atchariya Promtow, Jeeranan Senajak, Akkharaphong Wongphat, Jenjira Puiwong, Nunthaporn Yingratanasuk

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





