การสร้างแบบสอบวินิจฉัยการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร

ผู้แต่ง

  • ณัฐกาณญ์ สนธิกัน ภาควิชาการประเมินและการวิจัย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://orcid.org/0000-0003-1270-9212
  • สุวิมล ติรกานันท์ ภาควิชาการประเมินและการวิจัย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://orcid.org/0000-0002-9993-5468
  • กมลทิพย์ ศรีหาเศษ ภาควิชาการประเมินและการวิจัย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://orcid.org/0000-0002-4381-6128

DOI:

https://doi.org/10.14456/iarj.2023.21

คำสำคัญ:

แบบสอบวินิจฉัย; , การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์; , ความเข้าใจภาษาในการแก้โจทย์ปัญหาของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

บทคัดย่อ

การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์นั้น เป็นกระบวนการหนึ่งในการเรียนรู้ที่ตัวผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน และพัฒนาตนเองให้เกิดทักษะนี้ขึ้น เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ ให้รู้จักประยุกต์และปรับเปลี่ยนวิธีการในการแก้ปัญหาตามความเหมาะสม รู้จักการตรวจสอบและยังสะท้อนถึงกระบวนการแก้ปัญหา อย่างไรก็ตามการสร้างแบบสอบวินิจฉัยการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ต่างให้ความสำคัญกับขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหา ดังนั้นการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) สร้างแบบสอบวินิจฉัยการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ (2) วิเคราะห์ข้อบกพร่องของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่พบในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนในเขตตลิ่งชัน สังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 296 คน โดยใช้การสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบวินิจฉัยการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นความเข้าใจภาษาในการแก้โจทย์ปัญหา และส่วนที่สองเป็นการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติบรรยาย และตรวจสอบคุณภาพของแบบสอบด้านความตรงเชิงเนื้อหา ความเที่ยง ความยากง่าย และอำนาจจำแนก ผลการวิจัยพบว่า (1) ความตรงตามเนื้อหาของแบบสอบวินิจฉัยด้านความเข้าใจภาษาในการแก้โจทย์ปัญหาและด้านการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ทุกข้อมีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) เท่ากับ 1.00 (2) ความเที่ยงของแบบสอบวินิจฉัยด้านความเข้าใจภาษาในการแก้โจทย์ปัญหา มีค่าความเที่ยงเท่ากับ .97 ส่วนด้านการแก้โจทย์ปัญหา มีค่าความเที่ยงเท่ากับ .98 (3) ค่าความยากและค่าอำนาจจำแนกของแบบสอบวินิจฉัยด้านความเข้าใจภาษาในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ค่าความยากอยู่ระหว่าง 0.51–0.62 ส่วนค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.62-0.90 ส่วนด้านการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ค่าความยากอยู่ระหว่าง 0.11-0.66 และมีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.21-0.90 และ (4) การวิเคราะห์ข้อบกพร่อง พบว่าด้านความเข้าใจภาษาในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ นักเรียนกลุ่มเกรด 2 และ 2.5 ตอบผิดมากกว่ากลุ่มเกรดอื่น ๆ โดยตอบผิด 4 ใน 5 ของวิธีการคำนวณ ส่วนด้านการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ นักเรียนกลุ่มเกรด 2 และ 2.5 ตอบผิดในทุกขั้นตอนการแก้ปัญหาโจทย์

References

กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.

ธวชินี มาหล้า. (2561). การพัฒนาแบบทดสอบวินิจฉัยทักษะการคิดคำนวณและการให้เหตุผลกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปางเขต 2. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, นนทบุรี.

ปนัสยา เบื้องบน. (2564). การสร้างแบบทดสอบวินิจฉัยจุดบกพร่องในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วนและจำนวนคละ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลประโคนชัย (อำนวยกิจราษฎร์วิทยาคาร). การประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ ครั้งที่ 4 (น169 – 181). มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์.

พรเพชร พิศคำ (2561). การสร้างแบบทดสอบวินิจฉัยและแนวทางการแก้ไขข้อบกพร่องในการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่องเมทริกซ์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. วารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. 24(2), 153-165.

พิชชานันท์ แมคคอร์มิค (2562). การสร้างแบบทดสอบวินิจฉัยทางการเรียน เรื่อง จำนวนและการดำเนินการ กลุ่มสาระ การเรียนรู้คณิตศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาหนองบัวลำภู เขต 1. วารสารสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 6(2), 163-176.

ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ. (2543). เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.

ศิริชัย กาญจนวาสี. (2556). ทฤษฎีการทดสอบแบบดั้งเดิม. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ. (2563). สรุปผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET). Retrieved on April 10, 2020, from: https://www.niets.or.th/th.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2560). ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น.

สำนักงานเขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร. (2563). ข้อมูลนักเรียนและสถานศึกษาในเขตพื้นที่บริการ. Retrieved on 27 September 2020 from: http://school.bangkok.go.th

สุวิมล ติรกานันท์. (2557). ระเบียบวิธีการวิจัยทางสังคมศาสตร์: แนวทางสู่การปฏิบัติ. พิมพ์ครั้งที่ 12. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

อัสมาอ์ หะยีตาเฮร์. (2560). ผลการสอนโดยใช้วิธีการแบบแดที่มีต่อความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วารสารศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี, 29(1), 182-193.

Carla, L. (2020). Culturally appropriate math problem-solving instruction with English language learners. School Psychology Review, 49(2), 144-160.

Ethan, V. (2019). Cognitive ability and math computation developmental relations with math problem solving an integrated, multigroup approach. School Psychology Review, 34(1), 96-108.

Fengfeng, K. (2020). Game-based multimodal representations and mathematical problem solving. International Journal of Science and Mathematics Education, 18(1), 103-122.

Frankel, J. R. & Wallen, N. E. (1999). How to design and evaluate research in education. (4th .Ed). Boston, MA: McGraw Hill.

Jacobs, L. C. (1991). Test reliability. IU Bloomington Evaluation Services and Testing (BEST), Indiana University Bloomington. Last updated: Tuesday, 14-Dec-2004 11:21:32 Est

Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.

Michael, W. (2021). Improvements in motor competence skills are associated with improvements in executive function and math problem-solving skills in early childhood. Developmental Psychology, 57(9), 1463-1470.

Ozkubat, U. (2021). Investigation of effects of cognitive strategies and metacognitive functions on mathematical problem-solving performance of students with or without learning disabilities. International Electronic Journal of Elementary Education, 13(4), 443-456.

Rahayuningsih, S. (2021). Cognitive flexibility: exploring students’ problem-solving in elementary school mathematics learning. Journal of Research and Advances in Mathematics Education, 6(1), 59-70.

Tambychik, T. & Meerah, S. (2010). Students’ Difficulties in Mathematics Problem-Solving: What do they Say? International Conference on Mathematics Education Research, 8, 142-151.

Vyacheslav, V. U. (2020). Solving math problems through the principles of scientific creativity. EURASIA Journal of Mathematics, Science and Technology Education, 16(10), 1-9.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2023-02-03

How to Cite

สนธิกัน ณ. ., ติรกานันท์ ส. ., & ศรีหาเศษ ก. . (2023). การสร้างแบบสอบวินิจฉัยการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 3(1), 313–324. https://doi.org/10.14456/iarj.2023.21