ปรากฏการณ์ทางสังคม: ผี, พราหมณ์, พุทธ ในการพัฒนาคุณธรรมบนต้นทุนศรัทธาเดิม ของชุมชนบ้านยอดแกง ตำบลยอดแกง อำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์
DOI:
https://doi.org/10.14456/iarj.2021.18คำสำคัญ:
ผี, พราหมณ์, พุทธบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคม ผี พราหมณ์ พุทธ ในการพัฒนาคุณธรรมบนต้นทุนศรัทธาเดิมของชุมชนบ้านยอดแกง ตำบลยอดแกง อำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสานวิธีคือ การวิจัยเชิงปริมาณควบคู่การวิจัยเชิงคุณภาพ เนื่องจาก ข้อค้นพบบางอย่างไม่สามารถอธิบายได้ด้วยข้อมูลเชิงปริมาณที่มีอยู่ในกรณีเช่นนี้ นักวิจัยจะใช้วิธีการเชิงคุณภาพเพื่อหาข้ออธิบายให้แก่ข้อค้นพบนั้น หรือมิเช่นนั้นนักวิจัยจะดำเนินการศึกษาเชิงคุณภาพไปพร้อม ๆ กับการศึกษาเชิงปริมาณเลยก็ได้ และประยุกต์ใช้ระเบียบวิธีวิทยาของงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น (Community – Based Research : CBR) ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น ซึ่งมีวิธีวิทยา 7 ขั้นตอน คือ (1) แสวงหาตัวนักวิจัย นั่นคือชาวบ้านสามารถเป็นนักวิจัยได้ ไม่จำกัดเพศ อายุ การศึกษา อาชีพฯลฯ (2) การพัฒนาโจทย์วิจัย/พัฒนาโครงการวิจัย คือการเข้าใจงานวิจัยแบบ CBR เพื่อเชื่อมโยงปัญหา/ประเด็น (Text) ให้สัมพันธ์กับบริบทแวดล้อม (Context) (3) การออกแบบวิจัย (4) การทำความเข้าใจร่วม (5) การจัดการข้อมูล ซึ่งในขั้นตอน (3), (4), (5) นี้ เป็นไปตามวิธีวิทยาของการวิจัยทั่วไป โดย CBR เป็นงานวิจัยแบบ Participatory Action Research (PAR) ที่สร้างความเข้าใจร่วมกันที่มีขอบเขตกว้างขวาง ได้สิ่งอื่น ๆ มากกว่าได้ข้อมูล (6) การใช้ประโยชน์จากข้อมูล คือนำไปเป็นแนวทางแก้ปัญหาในพื้นที่/องค์กร คืนข้อมูลให้ชุมชน นำไปขยายผลสู่กลุ่มอื่น/พื้นที่อื่น เป็นหลักสูตรท้องถิ่น เป็นเนื้อหาการสร้างกลไกการจัดการของชุมชน เป็นนโยบายท้องถิ่น (7) การถอด/สรุปบทเรียน ถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมของวิธีวิทยา เพราะเป็นการพัฒนาปัญญา/วิธีคิดของคน ผลการวิจัยพบว่าปรากฏการณ์ทางสังคมบ้านยอดแกง ตำบลยอดแกง อำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์
1. มีการปรับประยุกต์หลักคารวะตา 6 ให้เป็นคำถามนำเพื่อศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคมสิ่งใดเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและมีความสำคัญจากอดีตถึงปัจจุบันอะไรเป็นความจริงของชีวิตแนวปฏิบัติตามหลักทางศาสนาเป็นอย่างไร การให้ความสำคัญต่อการเรียนรู้เป็นอย่างไรการเคารพตนเองการเคารพผู้อื่นเป็นอย่างไร
2. การสังเคราะห์คุณลักษณะชุมชนคารวะตะธรรมจากการศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคมบ้านยอดแกงผ่านยุคต่าง ๆ และจากคำถามนำที่ปรับมาจากคารวะตา 6 กำหนดคุณลักษณะชุมชนคารวะตะธรรมได้ 8 ประการคือ1)มองเห็นคุณค่าและยึดถือว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งสำคัญ2) เข้าใจในความจริงของชีวิต3)ยึดแนวปฏิบัติตามหลักทางศาสนา4) ให้ความสำคัญต่อการเรียนรู้5)เคารพตนเอง6)เคารพผู้อื่น7)มีการสละให้8)มีใจงามใจผ่องแผ้ว
3. ประเด็นสำคัญคือชุมชนกำลังเผชิญกับความเสี่ยงต่อการสูญหายเรื่องคนเคารพคน และคนเคารพสิ่งเหนือธรรมชาติ หลังจากเรื่องคนเคารพธรรมชาติได้สูญหายไปจากชุมชน แต่ที่ชุมชนยังคงดำเนินวิถีของตนไปได้นั้นเพราะ ชุมชนมีจุดแข็งอยู่ในเรื่องความเคารพทั้งการเคารพตนเองและการเคารพคนอื่น อีกทั้งมีความใจงามที่ยังเอื้ออาทรกันและแบ่งปัน ยึดมั่นในขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี จึงนำจุดแข็งนี้ไปสู่การสร้างกระบวนการชุมชนคารวะตะธรรมที่เหมาะสมในชุมชนบ้านยอดแกง เพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมต่าง ๆ ในการสร้างความเข้มแข็งและมีภูมิคุ้มกันให้กับชุมชนกินดีอยู่ดี เป็นสังคมใจงามต่อไป
เอกสารอ้างอิง
กรมวิชาการกระทรวงศึกษาธิการ. (2546). การจัดสาระการเรียนรู้พระพุทธศาสนา. (พิมพ์ ครั้งที่ 3). กรุงเทพมหานคร: ธรรมสภา.
นันธวัช นุนารถ. (2560). ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณค่าแห่งวิถีชีวิต วัฒนธรรม เพื่อการศึกษาที่ยั่งยืน. วารสารวิชาการและวิจัยสังคมศาสตร์. 12 (34), 17-26.
สิรภพ สวนดง, พระยุทธนา อธิจิตฺโต, สงวน หล้าโพนทัน. (2563). รูปแบบการพัฒนาภูมิปัญญาและประเพณีเชิงพุทธกับการส่งเสริม การเรียนรู้ของประชาชนในเขตอีสานใต้. Academic MCU Buriram Journal, 5 (1), 148-162.
สมบูรณ์ ธรรมลังกา. (2556). รูปแบบการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นฐานในจังหวัดเชียงราย. Journal of Education Naresuan University, 5 (2), 52-63.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2554). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ฉบับที่สิบเอ็ด พ.ศ. 2555-2559. [Online] สืบค้นเมื่อ 26 ตุลาคม 2554 เข้าถึงได้จาก : http://www. nesdb.go.th/download/ article/article_20160323112431.pdf.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2021 วารสารสหวิทยาการวิจัยและวิชาการ ISSN 2774-0373 (Online)

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





