ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการรับนักศึกษาเข้าศึกษาต่อ ระดับปริญญาตรีของสถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 4

Main Article Content

ศัพทสร ทองดี

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาระดับความคิดเห็นต่อประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการรับนักศึกษาเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีของสถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 4
(2) การเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการรับนักศึกษาเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และ (3) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการรับนักศึกษาเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้บริหาร ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 234 คน ซึ่งได้จากการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ (Stratified Sampling) เครื่องมือวิจัยเป็นแบบสอบถามที่มีผลการประเมินความตรงเนื้อหา (IOC ≥ 0.50) และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .978 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนการวิเคราะห์สถิติเชิงอนุมาน ใช้การทดสอบค่าที (T-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) พร้อมเปรียบเทียบรายคู่โดยใช้ LSD และการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุคูณ (Multiple linear regression)


ผลการวิจัยพบว่า (1) บุคลากรมีความคิดเห็นต่อประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการรับนักศึกษาเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี โดยรวมอยู่ในระดับมาก (2) บุคลากรที่มีอายุ อายุราชการ
และตำแหน่งที่แตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการรับนักศึกษา
เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ (3) ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ได้แก่ ค่านิยมร่วม กลยุทธ์ ทักษะ ระบบ และโครงสร้าง ซึ่งสามารถร่วมกันอธิบายความแปรปรวนของประสิทธิภาพการบริหารจัดการได้ร้อยละ 84.70 โดยสามารถสร้างสมการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบ Y = .420 +.308X7 +.099X2 +.252X4 +.143X3 +.112X1 และคะแนนในรูปคะแนนมาตรฐาน Z = .314X7 +.136X2 +.254X4 +.183X3 +.139X1

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ทองดี ศ. (2025). ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการรับนักศึกษาเข้าศึกษาต่อ ระดับปริญญาตรีของสถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 4 . วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์, 11(1), 436–450. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/rpu/article/view/288791
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

เกศณรินทร์ งามเลิศ. (2559). การบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ในสถานศึกษาอาชีวศึกษา. วารสารวิจัยทางการศึกษา, 11(2), 67–80.

บุษกร จันทร์แจ่ม. (2565). การบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ในสถานศึกษาอาชีวศึกษาโดยใช้แนวคิด 7S Model. วารสารวิชาการอาชีวะศึกษา, 15(3), 55–68.

วีรศักดิ์ หาญสมบูรณ์. (2566). การวิเคราะห์เชิงองค์ประกอบของปัจจัยภายในองค์กรโดยใช้กรอบ 7S กับประสิทธิภาพการบริหารสถานศึกษา. วารสารบริหารการศึกษา, 12(1), 91–104.

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2565). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2566–2570. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.

สุรางค์ บุญยะพงศ์ไชย. (2565). การพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21. วารสารนวัตกรรมการศึกษา, 5(2), 77–88.

สุรีรัตน์ คำชมภู. (2563). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพการบริหารงานของผู้บริหารสถานศึกษา. วารสารการบริหารการศึกษา, 8(1), 55–66.

Emerson, H. (1912). The twelve principles of efficiency. The Engineering Magazine Co.

Hair, J. F., Black, W. C., Babin, B. J., & Anderson, R. E. (2010). Multivariate data analysis (7th ed.). Pearson.

McKinsey & Company. (1980). 7S framework. https://www.mckinsey.com

Peterson, J., & Plowman, D. (1953). Principles of efficient administration. Harper & Brothers.

Rovinelli, R. J., & Hambleton, R. K. (1977). On the use of content specialists in the assessment of criterion-referenced test item validity. Educational and Psychological Measurement, 37(4), 753–763. https://doi.org/10.1177/001316447703700403

Waterman, R. H., Peters, T. J., & Phillips, J. R. (1980). Structure is not organization. Business Horizons, 23(3), 14–26.

Woodcock, M. (1989). Team development manual. Gower Publishing.