แรงจูงใจของครูต่อบทบาทการป้องกันภาวะโภชนาการเกินของนักเรียนระดับประถมศึกษา จังหวัดนนทบุรี และบทบาทของครูที่ควรจะเป็น

Main Article Content

นนทรี สัจจาธรรม

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับแรงจูงใจของครูต่อบทบาทการป้องกันภาวะโภชนาการเกินของนักเรียนระดับประถมศึกษา จังหวัดนนทบุรี 2) เจตคติของครูต่อบทบาทการป้องกันภาวะโภชนาการเกินของนักเรียน 3) ความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน และผู้ปกครองนักเรียนต่อบทบาทการป้องกันภาวะโภชนาการเกินของนักเรียน 4) บทบาทของครูที่ควรจะเป็นต่อการป้องกันภาวะโภชนาการเกินของนักเรียน รูปแบบการวิจัยผสมเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่าง คือ ครูระดับประถมศึกษา จังหวัดนนทบุรี 125 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ครู 10 คน แบบประเมินผู้บริหารโรงเรียน และผู้ปกครองนักเรียน 18 คน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ โดยใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ ข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย การประเมิน การตีความเนื้อหาจากการสัมภาษณ์ และสร้างข้อสรุปแบบอุปนัย โดยการพรรณนา


ผลการวิจัย พบว่า 1) ระดับแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน ได้แก่ ลักษณะงาน สัมพันธภาพระหว่างครูด้วยกัน การได้รับการยอมรับนับถือ และสภาพการทำงานอยู่ในระดับมากทุกด้าน 2) ความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูต่อบทบาทการป้องกันภาวะโภชนาการเกินของนักเรียน พบความสัมพันธ์ทางบวกอย่างไม่มีนัยสำคัญทุกด้าน 3) เจตคติของครูต่อบทบาทการป้องกันภาวะโภชนาการเกินของนักเรียน พบว่า ครูเห็นด้วยอย่างมากกับการดำเนินงานระบบการป้องกันภาวะโภชนาการเกินของนักเรียน การเฝ้าระวังภาวะโภชนาการของนักเรียน การดำเนินงานโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ และการจัดอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนในการป้องกันภาวะโภชนาการเกิน 4) บทบาทของครูที่ควรจะเป็นต่อการป้องกันภาวะโภชนาการเกินของนักเรียน พบว่า เป็นบทบาทที่เหมาะสมระดับมาก

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
สัจจาธรรม น. (2020). แรงจูงใจของครูต่อบทบาทการป้องกันภาวะโภชนาการเกินของนักเรียนระดับประถมศึกษา จังหวัดนนทบุรี และบทบาทของครูที่ควรจะเป็น. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์, 6(3), 162–176. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/rpu/article/view/248931
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2557). คู่มือประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพสำหรับเด็กและเยาวชนไทยที่มีน้ำหนักเกิน.

กานดาวสี มาลีวงษ์ และคณะ. (2558). รายงานการตรวจราชการเขต 4 ปี 2558. กระทรวงสาธารณสุข. จากรายงานการเฝ้าระวังภาวการณ์เจริญเติบโตของนักเรียนปีการศึกษา 2557. กระทรวงสาธารณสุข.

จุติพร จินาพันธ์ และ สฎายุ ธีรวณิชตระกูล. (2560). แรงจูงใจของครูที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 18. วารสารศึกษาศาสตร์, 28(2): 67-283.

เจตนิพิฐ สุจิระกุล และคณะ. (2557). ปัจจัยที่ส่งผลต่อชีวิตการทำงานของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วารสารบริหารการศึกษามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 11(20) มกราคม-มิถุนายน 2557: 98-109.

ชนิดา จิตตรุทธะ. (2560). วัฒนะธรรมองค์การ ปัจจัยสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน. พิมพ์ครั้งที่ 3 กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

นิติพล ภูตะโชติ. (2557). พฤติกรรมองค์การ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ประไพ เดชคำรณ. (2559). โรคอ้วนในเด็ก. ค้นเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2560, จาก https://www.chiangmaihealth.go.th/cmphoweb/document/160817147141801012.df

วรรณี แกมเกตุ. (2551). วิธีวิทยาการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา นนทบุรี เขต 1. (2560). ค้นเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2560, จาก https://nonedu1.org/index.php

สำนักโภชนาการ. (2557). แนวทางการควบคุมป้องกันภาวะอ้วนในเด็กวัยเรียน. กรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.

สำนักส่งเสริมสุขภาพ. (2558). คู่มือการดำเนินงานโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2558. กรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยจำกัด.

Herzberg, F., Mausner, B. and Snyderman B.B. (1993). The Motivation to Work. New Brunswick: Transaction.

Khemmarat Yaemkhayai. (2017). Retrieved on 15th August, 2018, from https://prezi.com/6qiuhdddha6b/presentation/

Tongtavee, K. (2016). Educational Management. Retrieved on 1st December, 2017, from http://www.kruinter.com/show.php?id_quiz=4115&p=1.