ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ

Main Article Content

รสริน พัชร์กัญญา
ศรัญญา กัมพุอังกูร
สุนีย์ วรรธนโกมล

บทคัดย่อ

 


 การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ โดยพิจารณาระดับความสำคัญของปัจจัยส่วนประสมการตลาดที่มีผลต่อการเลือกซื้อประกันภัยภาคสมัครใจ ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริโภคในกรุงเทพมหานครที่เคยซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ กรณีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างจานวน 400 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือแบบสอบถาม เครื่องมือสถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าไคสแควร์ t-test ANOVA และวิเคราะห์ความแตกต่างเป็นรายคู่ด้วย Scheffe Analysis โดยงานวิจัยนี้ใช้ค่านัยสำคัญทางสถิติที่ .05 ในการวิเคราะห์


จากการรวบรวมข้อมูลพบว่า สถานภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุ 25–35 ปี สถานภาพสมรส ระดับการศึกษาปริญญาตรี อาชีพรับราชการ/รัฐวิสาหกิจ และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,000–40,000 บาท โดยใช้รถยนต์ประเภทรถญี่ปุ่นเป็นหลัก ขนาดเครื่องยนต์ส่วนใหญ่ไม่เกิน 1,600 ซีซี ระเวลาการใช้รถยนต์ 5–10 ปี ใช้ 5–7 วันต่อสัปดาห์ ความเร็วในการขับขี่อยู่ที่ 80–100 กม./ชม. มีความสนใจกรมธรรม์ประเภท 1 เห็นความสำคัญของการทาประกันภัย ซื้อผ่านตัวแทนของบริษัท ที่เลือกทาประกันภัยเพราะเงื่อนไขความคุ้มครอง ตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง หาข้อมูลจากเพื่อน/คนรู้จัก นิยมซ่อมศูนย์บริการ ชาระผ่านธนาคารเข้าบริษัทประกันภัยโดยตรง


ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากที่สุด โดยผู้ซื้อต้องการกรมธรรม์ที่มีเงื่อนไขความคุ้มครองที่ชัดเจน รองลงมาปัจจัยด้านราคา โดยผู้ซื้อให้ความสำคัญกับอัตราเบี้ยประกันภัยเมื่อเทียบกับความคุ้มครองมีความเหมาะสมกับความคุ้มครองที่ได้รับ และปัจจัยที่ถูกให้ความสำคัญน้อยที่สุดคือปัจจัยด้านการส่งเสริมการตลาด ซึ่งอาจเนื่องมากจากการทาการตลาดของสื่อ สิ่งพิมพ์ โฆษณา ที่ไม่ดึงดูดให้ผู้ซื้อมีความสนใจมากนัก


ผลการวิเคราะห์ความแตกต่างของปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ พบว่า เพศและการศึกษานั้นมีผลต่อการทาประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ส่วนสถานภาพ อาชีพและรายได้ต่อเดือนนั้นส่งไม่ผลอย่างมีนัยสำคัญ

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
พัชร์กัญญา ร., กัมพุอังกูร ศ., & วรรธนโกมล ส. (2017). ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์, 2(3), 28–39. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/rpu/article/view/112423
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กลุ่มสถิติการขนส่ง กองแผนงาน. (2557). รายงานสถิติจานวนรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 คนที่ขอจดทะเบียนใหม่. ค้นเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2558, http://apps.dlt.go.th

กุลวุฒิ อุทธิยา. (2555). ปัจจัยที่มีผลต่ออุปสงค์ต่อกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลของบริษัทกรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดน่าน. แบบฝึกหัดการวิจัยปัญหาเศรษฐกิจปัจจุบัน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

ธานินทร์ ศิลป์จารุ. (2557). การวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วย SPSS และ AMOS. พิมพ์ ครั้งที่ 15. กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนสามัญบิสซิเนสอาร์แอนด์ดี.

วิมล แซ่ตั้ง. (2553). ปัจจัยที่มีผลต่อการทาประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คนใน จ.นนทบุรี. สารนิพนธ์ ปริญญาเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์การจัดการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

วีรญา กังพานิชกุล และ ไกรชิต สุตะเมือง. (2556). ปัจจัยการตลาดเชิงบูรณาการที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อประกันภัยรถยนต์ (ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน) ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล. บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

สิปปวิชญ์ วงศ์สุวัฒน์. (2555). ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อประกันภัยรถยนต์รูปแบบใหม่. วิทยานิพนธ์ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.

สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2557). รายงานสถิติการเกิดอุบัติเหตุจราจรทางบกประจำปี 2558. ค้นเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2558, http://service.nso.go.th.

Yamane, Taro. (1973). Statistics An Introductory Analysis. Tokyo: Harper International Edition.