การรับรู้ และการมีส่วนร่วมการประกันคุณภาพการศึกษา ของบุคลากรระดับอุดมศึกษา เขตนนทบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัย เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการรับรู้ และการมีส่วนร่วมการประกันคุณภาพการศึกษา ของบุคลากรระดับอุดมศึกษาเขตนนทบุรี ตามตัวบ่งชี้ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ซึ่งจำแนกเป็น 5 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการรับรู้ 2) ด้านการวางแผน 3) ด้านการปฏิบัติงาน 4) ด้านการตรวจสอบงาน 5) ด้านการนาผลการประกันคุณภาพการศึกษามาวางแผนพัฒนา โดยกลุ่มตัวอย่าง 5 สถาบัน ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ และสถาบันพระบรมราชนก (วิทยาลัยราชชนนี) กาหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้การแทนค่าสูตรคานวณขนาดกลุ่มตัวอย่างของทาโร ยามาเน่ ที่มีความเชื่อมั่นร้อยละ 95 ได้กลุ่มตัวอย่าง 321 คน เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามประมาณค่า 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ t-test และการทดสอบความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA) เมื่อพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จึงทำการทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่ โดยวิธีของ LSD
ผลการวิจัย พบว่าเพศชายมีการรับรู้การประกันคุณภาพการศึกษา มากกว่าเพศหญิง และบุคลากรที่มีอายุระหว่าง 20 – 30 ปี มีค่าเฉลี่ยการรับรู้มากที่สุด ส่วนบุคลากรที่มีการศึกษาระดับปริญญาเอกมีการรับรู้ และการมีส่วนร่วมการประกันคุณภาพการศึกษามากที่สุด สถานที่ทำงาน และตำแหน่งงานที่ต่างกัน มีการรับรู้การประกันคุณภาพการศึกษาแตกต่างกัน ส่งผลให้บุคลากรมีการรับรู้ และมีส่วนร่วมการประกันคุณภาพการศึกษาแตกต่างกัน และบุคลากรที่มีอายุงานน้อยกว่า 1 ปีมีการรับรู้ และการมีส่วนร่วมการประกันคุณภาพการศึกษาสูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ
Article Details
เอกสารอ้างอิง
ธีรวุฒิ เอกะกุล. (2543). ระเบียบวิธีวิจัยทางพฤติกรรมศาสตรและสังคมศาสตร. อุบลราชธานี: สถาบันราชภัฏอุบลราชธานี.
วิชิต อู่อ้น. (2548). การวิจัยและการสืบค้นข้อมูลทางธุรกิจ. กรุงเทพมหานคร: พริ้นท์แอทมี (ประเทศไทย).