ความสัมพันธ์ระหว่างการดำเนินงานตามกระบวนการนิเทศภายในกับประสิทธิภาพการสอนของครูโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา นครพนมเขต 2
Main Article Content
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับ เปรียบเทียบ หาความสัมพันธ์ ระหว่างการดำเนินงาน ตามกระบวนการนิเทศภายในกับประสิทธิภาพการสอนของครูโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครพนม เขต 2 ตามความคิดเห็นของผู้ให้ผู้รับการนิเทศและเพื่อหาแนวทางพัฒนาการดำเนินงานตามกระบวนการนิเทศภายในและประสิทธิภาพการสอนของครูโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา นครพนม เขต 2 กลุ่มตัวอย่างจำนวน 330 คน จำแนกเป็นผู้ให้การนิเทศ 100 คน ผู้รับการนิเทศ 230 คนโดยวิธีสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามการดำเนินงานตามกระบวนการนิเทศภายใน มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.39-0.98 มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.96 และแบบสอบถามประสิทธิภาพการสอนของครู มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง0.35-0.81 มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.95 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ร้อยละค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการหาค่าสหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่า 1) การดำเนินตามกระบวนการนิเทศภายในโดยรวมอยู่ในระดับมาก 2) ประสิทธิภาพการสอนของครู โดยรวมอยู่ในระดับมาก 3) การดำเนินงานตามกระบวนการนิเทศภายใน ตามความคิดเห็นของผู้ให้และผู้รับการนิเทศ โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทุกด้าน โดยผู้ให้การนิเทศมีความคิดเห็นต่อการดำเนินงานตามกระบวนการนิเทศภายในสูงกว่าผู้รับการนิเทศ 4) ประสิทธิภาพการสอนของครูตามความคิดเห็นของการดำเนินงาน โดยรวมและรายด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยผู้รับการนิเทศมีความคิดเห็นของครูสูงกว่าผู้ให้การนิเทศ 5) ผู้ให้การนิเทศและผู้รับการนิเทศที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนที่มีขนาดต่างกันมีความคิดเห็นต่อการดำเนินงานตามกระบวนการนิเทศภายใน โดยรวมและรายด้านแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ 6) ผู้ให้การนิเทศและผู้รับการนิเทศที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนขนาดต่างกันมีความคิดเห็นต่อประสิทธิภาพการสอนของครูโดยรวมและรายด้านแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ 7) การดำเนินงานตามกระบวนการนิเทศภายในกับประสิทธิภาพการสอนของครู โดยภาพรวมสัมพันธ์กันในทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 8) การดำเนินงานตามกระบวนการนิเทศภายในที่ควรพัฒนาคือขั้นตอนเตรียมการนิเทศและการปรับปรุงแก้ไขวิธีการนิเทศและควรพัฒนาประสิทธิภาพการสอนของครู ด้านการบริหารจัดการหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ ด้านการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน และด้านการสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนเพื่อการจัดการเรียนรู้
The purposes of this research were to investigate relationships between supervisors’ and supervised teachers’ opinions, and to find an improvement guidelines for school teachers’ teaching efficiency based on the internal supervision. Those teachers were teaching at schools under the Office of Nakhon phanom Educational Area 2. The subjects of the study were 330 people classified into 100 school supervisors and 230 teachers who were supervised, collected by means of multi-stage random sampling. There were two research instruments: The operating question based on the internal supervision procedures, with the discrimination value between 0.39 – 0.98 and the reliability of 0.96, and the teachers’ teaching efficiency questionnaire with the discrimination value between 0.35 – 0.81 and the reliability of 0.95. The statistics used to analyze the data were percentage, standard deviation, t-test (Independent Samples), one-way ANOVA, Pearson’s Product-Moment Correlation. The results of the study revealed that 1) The overall operations based on the internal supervision procedures was at a high level, 2) The overall teachers’ teaching efficiency was at a high level, 3) The supervisors’ and supervised teachers’ opinions of overall operations based on the internal supervision procedures, were significantly different in all aspects at a level of .01, 4) The overall and individual aspects of teachers’ teaching efficiency were significantly different in all aspects at a level of .05, while the supervised teachers’ opinions on the topic were higher than those of the supervisors’, 5) The supervised teachers and the supervisors working in different sizes of school had insignificantly different opinions of overall and individual aspects of the operations based on the internal supervision procedures, 6) The supervised teachers and the supervisors working in different sizes of school had insignificantly different opinions of overall and individual aspects of teachers’ teaching efficiency, 7) The operations based on the internal supervision procedures and the teachers’ teaching efficiency had an overall positive relations at a significant level of .05, and 8) The operations based on the internal supervision procedures that should be improved were supervision preparation and supervision development, while the teachers’ teaching efficiency that should be improved were curriculum management, learning management, analysis synthesis and research for learner improvement, and relationship and cooperation creation with community for leaning management.