การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) สำหรับครูโรงเรียนสังกัดสำนักการศึกษาเทศบาลนครสกลนคร
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมการผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) 2) เปรียบเทียบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) ระหว่างก่อนและหลังการฝึกอบรม 3) ศึกษาระดับของทักษะการผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) ของครูหลังการฝึกอบรม และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของครูที่มีต่อหลักสูตรฝึกอบรม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ครูโรงเรียนมัธยมศึกษาเทศบาล 3 “ยุติธรรมวิทยา” สังกัดสำนักการศึกษาเทศบาลนครสกลนคร อำเภอเมืองจังหวัดสกลนคร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 40 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถามความต้องการในการพัฒนาครูด้านการผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิก (e-book) มีค่าความสอดคล้องเนื้อหากับข้อคำถามเท่ากับ 1.0 2) แบบทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) มีค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.20-0.27 ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.71 3) แบบประเมินทักษะการผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) ของผู้เข้ารับการอบรม มีค่าความสอดคล้องของเนื้อหากับข้อคำถามเท่ากับ 1.0 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของครูผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มีต่อหลักสูตร มีค่าความสอดคล้องระหว่าง 0.80-1.00 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติทดสอบ
ผลการวิจัยพบว่า 1) หลักสูตรฝึกอบรมการผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ คือ
1. จุดประสงค 2. สาระความรูประสบการณ 3. กระบวนการเรียนการสอน 4. การประเมินผล 2) ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) หลังฝึกอบรมสูงกว่าก่อนฝึกอบรม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) ทักษะการผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) อยู่ในระดับดีมาก 4) ความพึงพอใจของของผู้เข้าอบรมที่มีต่อหลักสูตรฝึกอบรมการผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) อยู่ในระดับมากที่สุด
Article Details
เอกสารอ้างอิง
นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์. วิทยานิพนธ์ ค.ม. พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
จารุวรรณ มโนมัยกิจ. (2559, กันยายน–ธันวาคม). การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมตามแนวคิดการเรียนรู้เชิงประสบการณ์เพื่อ
เสริมสร้างสมรรถภาพด้านการจัดการเรียนรู้สำหรับครูภาษาอังกฤษระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย. วารสารมหาวิทยาลัย
นครพนม,6(3),115-122.
ชูชัย สมิทธิไกร.(2554). การฝึกอบรมบุคลากรในองค์การ.พิมพ์ครั้งที่ 7.กรุงเทพฯ :จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ทวีศักดิ์ กาญจนสุวรรณ. (2552). เทคโนโลยีมัลติมีเดีย. กรุงเทพฯ : เคทีพี คอมพ์แอนด์ คอนซัลท์.
ทิศนา แขมมณี. (2556). ศาสตร์การสอน. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
บุญชม ศรีสะอาด. (2553).การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สุวีริยาสาส์น.
บูรณะ สมชัย. (2542). การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI). กรุงเทพมหานคร : ซีเอ็ดยูเคชั่น.
เพชรปราณี อินทรพาณิชย์. (2560, มกราคม-ธันวาคม). การพัฒนากลักสูตรเพื่อเสริมสร้างทักษะการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียน
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลสกลนคร. วารสารมหาวิทยาลัยนครพนม,7(1),99-108.
วาโร เพ็งสวัสดิ์. (2551). วิธีวิทยาการวิจัย.กรุงเทพฯ :สุวีริยาสาส์น.
สมคิด บางโม. (2551). เทคนิคการฝึกอบรมและการประชุม. กรุงเทพฯ : วิทยพัฒน์
สงัด อุทรานนท์. (2542). พื้นฐานและหลักการพัฒนาหลักสูตร. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
อรวรรณี ไชยปัญหา. (2556). รูปแบบการพัฒนาภาวะผู้นำทีมของผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็ก. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต.
สกลนคร: มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร