การตรวจสอบคุณภาพรูปแบบการสร้างสมรรถนะของครูในการประเมินทักษะปฏิบัติดนตรีไทยประเภทเครื่องเป่าของนักเรียนประถมศึกษา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบการสร้างสมรรถนะของครูในการประเมินทักษะปฏิบัติดนตรีไทยประเภทเครื่องเป่าของนักเรียนประถมศึกษา กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเครื่องมือวัดและประเมินผลทางการศึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านทักษะดนตรีไทยในสอนและประเมินการปฏิบัติดนตรีไทยประเภทเครื่องเป่า จำนวน 5 ท่าน เครื่องมือวิจัย คือ 1) แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการสร้างสมรรถนะของครูในการประเมินทักษะดนตรีไทยประเภทเครื่องเป่าของนักเรียนประถมศึกษา 2) แบบประเมินความเหมาะสมของคู่มือการใช้งานรูปแบบการสร้างสมรรถนะของครูในการประเมินทักษะดนตรีไทยประเภทเครื่องเป่าของนักเรียนประถมศึกษา ผลการวิจัยพบว่า 1) รูปแบบการสร้างสมรรถนะของครูในการประเมินทักษะปฏิบัติดนตรีไทยประเภทเครื่องเป่าของนักเรียนประถมศึกษา ในด้านความมีประโยชน์ ด้านความเป็นไปได้ในการนำไปใช้ ด้านความเหมาะสม และด้านความถูกต้อง โดยรวมมีคุณภาพ อยู่ในระดับมากที่สุด (M= 4.61, SD=0.51) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ส่วนใหญ่มีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด โดยด้านความเหมาะสม (propriety) และด้านความถูกต้อง (accuracy) มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด (M= 4.67, SD=0.48) ด้านความเป็นไปได้ในการนำไปใช้ (feasibility) มีค่าเฉลี่ยรองลงมา (M= 4.57, SD=0.50) ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ด้านความมีประโยชน์ (utility) มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.53 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.57 (M= 4.53, SD=0.57) และ 2) คู่มือการใช้งานรูปแบบการสร้างสมรรถนะของครูในการประเมินทักษะปฏิบัติดนตรีไทยประเภทเครื่องเป่าของนักเรียนประถมศึกษา โดยรวมมีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด (M= 4.67, SD=0.50) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ในด้านการนำไปใช้ประโยชน์ มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด (M= 4.84, SD=0.37) ด้านรูปเล่ม มีค่าเฉลี่ยรองลงมา (M= 4.60, SD=0.58) ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ด้านเนื้อหา มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.56 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.51 (M= 4.56, SD=0.51) ดังนั้น ผลการตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบการสร้างสมรรถนะของครูในการประเมินทักษะปฏิบัติดนตรีไทยประเภทเครื่องเป่าของนักเรียนประถมศึกษา พบว่า มีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ข้อความและบทความในวารสารการวัด ประเมินผล สถิติ และการวิจัยทางสังคมศาสตร์ เป็นแนวคิดของผู้เขียน มิใช่ความคิดเห็นของกองบรรณาธิการวารสาร จึงมิใช่ความรับผิดชอบของวารสารการวัด ประเมินผล สถิติ และการวิจัยทางสังคมศาสตร์ บทความในวารสารต้องไม่เคยตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน และสงวนสิทธิ์ตามกฎหมายไทย การจะนำไปเผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากกองบรรณาธิการ
เอกสารอ้างอิง
กมลวรรณ ตังธนกานนท์. (2563). การวัดและประเมินทักษะการปฏิบัติ (พิมพ์ครั้งที่ 3). สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
กุสุมา กังหลี. (2564). การพัฒนารูปแบบการประเมินสมรรถนะทางคลินิกของนักศึกษาพยาบาลตามกรอบการเรียนรู้ของมิลเลอร์ โดยใช้การกำหนดกิจกรรมสมรรถนะทางวิชาชีพที่เชื่อมั่นได้ [ปริญญานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย].
จิตติวิทย์ พิทักษ์, พงษ์พิทยา สัพโส, และอิศรา ก้านจักร. (2562). สภาพปัญญาเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนดนตรีของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น. วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 11(1), 225-237.
ณภัทร เฟื่องวุฒิ, โดม สว่างอารมณ์, พิมลมาศ พร้อมสุขกุล, และ วรสรณ์ เนตรทิพย์. (2561). ความต้องการของนักเรียนและครูต่อการจัดการเรียนการสอน วิชาดนตรี กลุ่มสาระศิลปะ ระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย สังกัดกรุงเทพมหานครเขตภาษีเจริญ. วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 22(2), 25–39. https://so01.tci-thaijo.org/index.php/jfofa/article/view/208905
ธันยาภรณ์ โพธิกาวิน. (2563). แนวทางการพัฒนาการเรียนการสอนดนตรีสำหรับโรงเรียนมัธยมศึกษา
อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม. วารสารวิชาการ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
(สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์), 6(1), 26-38.
นิรมาน จันทรประวัติ. (2546). ศึกษาสภาพการสอนขลุ่ยเพียงออในโรงเรียนระดับประถมศึกษา
สังกัดสำนักงานการประถมศึกษา จังหวัดปทุมธานี. มหาวิทยาลัยมหิดล, กรุงเทพฯ. https://doi.nrct.go.th/ListDoi/listDetail?Resolve_DOI=10.14457/MU.the.2003.44
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 7). สุวีริยาสาส์น.
มานะ พิณจะโปะ. (2557). การศึกษาสภาพปัญหาการสอนวิชาดนตรีของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 31. วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 6(2),139-157.
วนิดา ประคัลภ์กุล. (2558). แนวทางการส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้ครูประถมศึกษาที่สอนไม่ตรงวิชาเอก. [วิทยานิพนธ์ระดับมหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]. ฐานข้อมูลคลังปัญญา. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วิหาญ พละพร, และคณะ. (2557). ผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบซิปปา (CIPPA Model) ที่มีต่อความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1.
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 15(28), 116-128.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2551). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. http://www.act.ac.th/document/curriculum/6.pdf
สุชาติ อยู่แท้กูล, คมกริช การินทร์, และ นิคม ศรีรักสูงเนิน. (2558). การสำรวจและวิเคราะห์ปัญหาการเรียนการสอนดนตรีในวิทยาลัยนาฏศิลป์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วารสารวิจัยและนวัตกรรมท้องถิ่น, 10(2), 1-15. https://so03.tci-thaijo.org/index.php/RDIBRU/article/view/129290
Draisey-Collishaw, R. (2007). The limits of doing: A critical assessment of performance-based music education. The Canadian Music Educator, 48(4), 31-36.
McPherson, G. E., & Thompson, W. F. (1998). Assessing music performance: Issues and influences. Australian Journal of Music Education, 10(1), 1-10. https://doi.org/10.1177/
X9801000102
Preskill, H., & Boyle, S. (2008). A multidisciplinary model of evaluation capacity building. American Journal of Evaluation, 29, 443-459. https://doi.org/10.1177/1098214008324182
Stanley, M., Brooker, R., & Gilbert, R. (2002). Assessing music performance: Issues and influences. Australian Journal of Music Education, 18(1), 1-10. https://doi.org/10.1177/
X020180010601
Stufflebeam, D. L. (2003). The CIPP model for evaluation. In T. Kellaghan, D. L. Stufflebeam, & L. A. Wingate (Eds.), International Handbook of Educational Evaluation (pp. 279-317). Dordrecht: Kluwer Academic Publishers.