แนวทางการปฏิรูปสื่อในความคิดเห็นของผู้บริโภคสื่อที่มีต่อสื่อมวลชน
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัยคือ เพื่อสำรวจการเปิดรับสื่อของผู้บริโภคสื่อ ความคิดเห็นของผู้บริโภคสื่อต่อสื่อมวลชนไทย และศึกษาความคาดหวังของผู้บริโภคสื่อต่อสื่อมวลชนไทยภายใต้สถานการณ์ปกติและภายใต้สถานการณ์ขัดแย้งรุนแรง โดยใช้แนวคิดเรื่องบรรทัดฐานของสื่อมวลชนไทยโดย McQuail (2005) เป็นกรอบการศึกษาและได้ปรับเพิ่มประเด็นให้เข้ากับสถานการณ์ของประเทศไทย โดยแบ่งมิติการศึกษาออกเป็น 3 มิติ ประกอบด้วย มิติเรื่องโครงสร้างและการดำเนินงานของสื่อ มิติเรื่องประโยชน์ของส่วนรวม มิติเรื่องความปลอดภัยของประชาชนและสังคม การวิจัยครั้งนี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้การวิจัยแบบสำรวจ และวัดแบบตัดขวาง มีเครื่องมือ คือ แบบสอบถาม ประชากรของการวิจัยคือ กลุ่มประชาชนชาวไทยที่เป็นผู้บริโภคสื่อ ทำการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามในพื้นที่จริงที่มีความเป็นตัวแทนผู้บริโภคสื่อไทยจากทั้ง 6 ภูมิภาค และเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามออนไลน์ ที่บริโภคข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อใหม่ โดยใช้การสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน ทำการสุ่มตัวอย่างทั้งแบบใช้ความน่าจะเป็นและแบบไม่ใช้ความน่าจะเป็น รวมจำนวนตัวอย่างทั้งสิ้น 3,410 คน โดยทำการรวบรวมข้อมูลในเดือนสิงหาคม ถึงตุลาคม 2553
การวิจัยพบว่า สื่อที่ผู้บริโภคมีการเปิดรับข่าวสารเป็น 3 อันดับแรก คือ สื่อโทรทัศน์ ตามด้วยสื่อบุคคล (บุคคลในครอบครัว) และสื่อเว็บไซต์สืบค้นข้อมูล สื่อที่พบว่ามีการเปิดรับข้อมูลข่าวสารน้อยที่สุดเป็น 3 อันดับท้าย คือ สื่อท้องถิ่น ได้แก่ วิทยุชุมชน และเคเบิลทีวีท้องถิ่น และกระดานสนทนา โดยสื่อที่ผู้บริโภคมีการเปิดรับข่าวสารมาก ส่วนใหญ่จะเป็นสื่อที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อถือมากด้วย อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยมีความแตกต่างกันไปเมื่อพิจารณารายภาคและระหว่างกลุ่มผู้บริโภคสื่อทั่วไปและกลุ่มผู้บริโภคสื่อออนไลน์ในภาพรวม คะแนนความคิดเห็นต่อสื่อมวลชน มิติที่ได้รับคะแนนเฉลี่ยสูงสุดจากผู้บริโภคสื่อได้แก่ มิติเรื่อง ประโยชน์ของส่วนรวม รองลงมาคือ มิติเรื่องโครงสร้างและการดำเนินงานของสื่อ และมิติที่ได้ค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ มิติเรื่องความปลอดภัยของประชาชน ขณะที่มิติที่ได้รับคะแนนความคาดหวังเฉลี่ยต่อสื่อมวลชนภายใต้สถานการณ์ปกติสูงสุดได้แก่ มิติเรื่องโครงสร้างและการดำเนินงานของสื่อ มิติเรื่องความปลอดภัยของประชาชน และมิติเรื่องประโยชน์ของส่วนรวม ตามลำดับ ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยความคิดเห็นต่อสื่อมวลชนไทย และความคาดหวังต่อสื่อมวลชนไทยภายใต้สถานการณ์ปกติ พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญเชิงสถิติในทุกมิติ เมื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยความคาดหวังต่อสื่อมวลชนไทยภายใต้สถานการณ์ปกติ และความคาดหวังต่อสื่อมวลชนไทยภายใต้สถานการณ์ขัดแย้งรุนแรง พบว่ามีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญเชิงสถิติในทุกข้อคำถาม โดยความคาดหวังในสถานการณ์ขัดแย้งรุนแรง มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าความคาดหวังในสถานการณ์ปกติ และเมื่อเปรียบเทียบทั้งสามมิติ ผู้บริโภคสื่อไทยมีความคาดหวังว่าสื่อไทย ควรมีบรรทัดฐานในมิติเรื่องโครงสร้างละการดำเนินงานของสื่อ มากที่สุด รองลงมาคือ มิติความปลอดภัยของประชาชน และมิติเรื่องประโยชน์ส่วนรวม ตามลำดับ