สรุปผลการศึกษาและข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปสื่อในประเทศไทย

Main Article Content

ยุบล เบ็ญจรงค์กิจ

บทคัดย่อ

สรุปผลการศึกษาและข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปในประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. รวบรวมผลจากการศึกษาความคิดเห็นต่อการดำเนินงานของสื่อจากกลุ่มที่เกี่ยวข้องต่างๆ ได้แก่ กลุ่มผู้ปฏิบัติงานในองค์กรสื่อ กลุ่มองค์กรวิชาชีพสื่อ กลุ่มองค์กรกำกับดูแลและเฝ้าติดตาม กลุ่มนักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์และการสื่อสารมวลชน และกลุ่มผู้บริโภคข้อมูลข่าวสารจากสื่อมวลชนในประเทศไทย จากงานวิจัยที่ศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำงานของสื่อมวลชนและแนวทางในการปฏิรูปสื่อมวลชนในประเทศไทย 2. นำผลจากการศึกษามาวิเคราะห์และสังเคราะห์เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะ เพื่อดำเนินงานการปฏิรูปสื่อในประเทศไทย โดยใช้การวิจัยจากผลการศึกษาวิจัยรวม 5 ชิ้น ดังนี้ 1. รายงานผลการวิจัยเรื่องแนวทางการปฏิรูปสื่อในการศึกษาความคิดเห็นของวิชาการนิเทศศาสตร์ที่มีต่อสื่อมวลชนไทย 2. รายงานผลการวิจัยเรื่องแนวทางการปฏิรูปสื่อในความคิดเห็นของผู้บริโภคสื่อที่มีต่อสื่อมวลชนไทย 3. รายงานผลการวิจัยเรื่องแนวทางการปฏิรูปสื่อในมุมมองขององค์กรกำกับดูแลและเฝ้าติดตาม 4. รายงานผลการวิจัยเรื่องบทบาทขององค์กร/สมาคมวิชาชีพสื่อและมุมมอง/ความคิดเห็นต่อการปฏิรูปสื่อ และ 5. รายงานผลการวิจัยเรื่องแนวทางการปฏิรูปสื่อในความคิดเห็นของผู้ประกอบการวิชาชีพสื่อมวลชน ที่มีต่อสื่อมวลชน การเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจัยครั้งนี้ดำเนินการเก็บข้อมูลทั้งเชิงปริมาณ (Quantitative research) โดยการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research Method) และเชิงคุณภาพ (Qualitative research) แบ่งเป็นวิธีการเก็บข้อมูล 2 แบบ คือ การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) และการประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group)


ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปสื่อในประเทศไทย มีดังนี้ ข้อเสนอแนะสำหรับภาครัฐ คือ รัฐบาลต้องส่งเสริมเสรีภาพในการได้มาซึ่งข้อมูลข่าวสาร การมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ตามพรบ.ข้อมูลข่าวสาร พ.ศ. 2540 และเร่งรัดการผ่านพรบ.องค์กรจัดสรรฯ และการคัดเลือกคณะกรรมการกสทช.เพื่อให้ปัญหาที่ค้างคามานานขององค์กรสื่อหลายระดับคลี่คลายลงและมีความชัดเจนเพียงพอให้ทุกฝ่ายดำเนินงานต่อไปได้ รวมทั้งส่งเสริมการให้ความรู้เท่าทันสื่อ (Media literacy) เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ผู้บริโภค ข้อเสนอแนะสำหรับการกำกับดูแล ในเรื่องโครงสร้างและความเป็นเจ้าของสื่อ ควรบังคับใช้กฎหมายและประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนในสังคมเข้าใจ อาทิ พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ส่วนเรื่องสื่อชุมชนนั้น ควรบังคับใช้กฎหมายและประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนเข้าใจ ในประเด็นสถานภาพทางกฎหมายของสื่อชุมชน เพราะพรบ.องค์กรจัดสรรฯจะทำให้มีองค์กรกำกับดูแลตัวจริงที่เข้ามาทำหน้าที่ในการจัดสรรคลื่น รวมถึงการทำหน้าที่ในการวางแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ ซึ่งจะทำให้ภาวะยุ่งเหยิงของสื่อชุมชนที่ถูกนำไปใช้ทางธุรกิจหมดไป ในส่วนปัญหาการละเมิดความเป็นส่วนตัว หรือนำเสนอข่าวสารที่ก่อให้เกิดความเสียหาย แม้จะมีกฎหมายและองค์กรวิชาชีพสื่อดูแล แต่จากสถานการณ์ที่ผ่านมาปัญหาเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไขหรือสร้างความเป็นธรรมให้ผู้เสียหายได้อย่างแท้จริง จึงควรเร่งรัดการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและให้คำปรึกษา โดยศูนย์ดังกล่าวมีหน้าที่รับเรื่องร้องทุกข์และให้คำปรึกษาด้านกฎหมายตลอดจนเชื่อมโยงถึงการให้ความช่วยเหลือเพื่อการดำเนินด้านกฎหมายด้วย ทั้งนี้ควรส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และระวังภัยในสังคมด้วยการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังสื่อ ทั้งในระดับสังคม ระดับชุมชน (Community media watch) และเครือข่ายเฝ้าระวังสื่อในชุมชนออนไลน์ (Online media watch – citizen reporter) ข้อเสนอแนะด้านการดำเนินงานของสื่อ ควรจัดให้ระบบประกันคุณภาพในการดำเนินงานของสื่อ เพื่อนำระบบมาใช้ในการตรวจสอบและประเมินตนเอง

Article Details

ประเภทบทความ
Articles