ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ของพนักงานโรงงานอุตสาหกรรม จังหวัดระยอง
คำสำคัญ:
การตัดสินใจเลือกซื้อ, รถยนต์, พนักงานโรงงาน, นิคมอุตสาหกรรมบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมที่ส่งผลต่อการเลือกซื้อรถยนต์ของพนักงานโรงงานอุตสาหกรรม จังหวัดระยอง 2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ของพนักงานโรงงานอุตสาหกรรม จังหวัดระยอง ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ พนักงานโรงงานอุตสาหกรรมในเขตนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ดในจังหวัดระยอง ขนาดของกลุ่มตัวอย่างจำนวน 384 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ ความแตกต่างด้วย t-test การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (ANOVA) โดยการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS งานวิจัยนี้กำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
ผลการวิจัยพบว่า พนักงานโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดระยอง ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 18 – 30 ปี มีรายได้ต่อเดือนอยู่ระหว่าง 15,0001 – 30,000 บาท ส่วนใหญ่มีสถานภาพโสด ระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี ส่วนใหญ่เป็นพนักงานประจำ อายุการทำงาน 5 ปีขึ้นไป และผลการวิจัยพบว่า พฤติกรรมการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ของพนักงานโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดระยอง ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เดินทางโดยใช้รถยนต์ พิจารณาเลือกซื้อรถยนต์จากความเหมาะสมในการใช้งาน ปัจจัยที่คำนึงถึงมากที่สุดในการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์คือมาตรฐานความปลอดภัย ยี่ห้อของรถยนต์ที่สนใจคือ Honda ราคาของรถยนต์มากกว่า 600,001 บาทขึ้นไป ขนาดของเครื่องยนต์อยู่ระหว่าง 1,600 – 1,800 ซีซี เลือกซื้อรถยนต์ที่ศูนย์รถยนต์/ตัวแทนจำหน่าย ผู้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจซื้อคือ สามี ภรรยา ลูก บุคคลที่มีอิทธิพลในการตัดสินใจซื้อคือ สมาชิกในครอบครัว การชำระเงินคือ เงินผ่อน และระยะเวลาในการตัดสินใจซื้อส่วนใหญ่มากกว่า 4 เดือนขึ้นไป ซึ่งผลการวิจัย ปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์โดยภาพรวม พบว่า จัดอยู่ในเกณฑ์มาก และเมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์จำแนกตามสถานภาพทางด้านเพศ ด้านรายได้ต่อเดือน ด้านสถานภาพ และด้านอายุการทำงาน พบว่า มีการเลือกใช้ปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดในภาพรวมมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05