ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าของพนักงานบริษัทในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
เนื่องจากสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรมมีอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงมากเมื่อเทียบกับภาคธุรกิจและครัวเรือน ซึ่งภาคอุตสาหกรรมควรมีการส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์พลังงานด้านไฟฟ้า เพราะนอกจากจะเป็นการช่วยลดสภาวะโลกร้อนแล้วการจัดกิจกรรมการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้านั้น ยังจะช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานไฟฟ้าให้กับบริษัทในภาคอุตสาหกรรมซึ่งการที่กิจกรรมเหล่านี้จะเกิดประสิทธิภาพและเห็นผลได้นั้นพนักงานในองค์กรจะต้องมี พฤติกรรมในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า วัตถุประสงค์ของการศึกษาวิจัย 1. เพื่อศึกษาอิทธิพลของการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า ทัศนคติในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า การรับรู้การควบคุมพฤติกรรมการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า ที่มีต่อความตั้งใจในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าของพนักงานบริษัทในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี 2. เพื่อศึกษาอิทธิพลความตั้งใจในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า ที่มีต่อพฤติกรรมในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าของพนักงานบริษัทในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี การวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล กลุ่มตัวอย่างคือกลุ่มพนักงานบริษัทในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี จำนวน 300 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ 1.สถิติเชิงพรรณนา โดยใช้สถิติ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าความถี่ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.สถิติเชิงอนุมาน (Inferential Statistics Analysis) โดยใช้สถิติ การวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง (SEM) ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยด้านการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า ทัศนคติที่มีต่อพฤติกรรมในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า การรับรู้ถึงการควบคุมพฤติกรรมในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า มีผลต่อความตั้งใจในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าในเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และยังพบว่า ปัจจัยด้านความตั้งใจในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า มีผลต่อพฤติกรรมในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าในเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 จึงสามารถอธิบายพฤติกรรมในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าได้ว่า พฤติกรรมในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจาก การมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า ทัศนคติในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า การรับรู้การควบคุมพฤติกรรมการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า ที่มีต่อความตั้งใจในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ฉะนั้นบริษัทและองค์กรที่มีความสนใจในด้านการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าสามารถนำผลการวิจัยไปใช้ในการควบคุมพฤติกรรมหรือออกนโยบายเพื่อที่จะสามารถควบคุมพฤติกรรมในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นการช่วยลดต้นทุนพลังงานของบริษัทได้
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กรมโรงงานอุตสาหกรรม. (2566). ข้อมูลโรงงานในเขตการนิคมแห่งประเทศไทย 2566. http://userdb.diw.go.th/factory/ieat.asp
กระทรวงพลังงาน. (2566). แนวโน้มการใช้พลังงาน. https://www.eppo.go.th/index.php/th/component/k2/item/18695-news-090165-01
กัลยา วานิชย์บัญชา. (2562). การวิเคราะห์สมการโครงสร้าง (SEM) ด้วย AMOS. ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ฐานภพ กิตติ์สุภาภัช. (2564). ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมในการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าของพนักงานในบริษัทในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา].
ประคอง กรรณสูต. (2534). สถิติเพื่อการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ภูริต นุชเอี่ยมปภา. (2566). การศึกษาพฤติกรรมและปัจจัยที่มีผลต่อการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า กรณีศึกษาโรงพยาบาลสิงห์บุรี. วารสารสุขภาพและสิ่งแวดล้อมศึกษา, 8(2).
ศิวกร กาญจนปัท และฐกฤต ปานขลิบ. (2561). การศึกษาผลของความตระหนักของความสำคัญของการอนุรักษ์พลังงานผ่านความร่วมมือในการอนุรักษ์พลังงานในโรงเลื่อยไม้. Journal of Energy and Environment Technology, 5(2), 35-42.
สมาคมพลังงานทดแทนสู่ชุมชนแห่งประเทศไทย. (2566). การอนุรักษ์พลังงาน. http://reca.or.th/save-energy/
สมิทธ เทพยา และนิภา นิรุตติกุล. (2565). ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าของพนักงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี. วารสารการบริหารนิติบุคคลและนวัตกรรมท้องถิ่น, 8(10).
สิริเพ็ญ คตน่วม. (2564). การมีส่วนร่วมในการประหยัดพลังงานของบุคลากร คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี. วารสารศิลปศาสตร์ มทร.ธัญบุรี, 2(2), 63-71.
อรนงค์ ศรีจารุเดช. (2563). พฤติกรรมการใช้พลังงานไฟฟ้าของนักศึกษาในหอพักนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น. วารสารวิจัยสถาบัน มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 1(2).
Curran, P. J., Finch, J. F., & West, S. G. (1996). The robustness of test statistics to nonnormality and specification error in structural equation modeling. Psychological Methods, 1(1), 16-29.
George, D., & Mallery, P. (2010). SPSS for Windows step by step: A simple guide and reference (10th ed.). Allyn & Bacon.
Hien, L. T. D., Huyen, K. N., & Hoang, T. H. L. (2023). Factors affecting energy-saving intentions among youth in Vietnam. International Journal of Energy Economics and Policy, 13(6), 603-609. https://doi.org/10.32479/ijeep.14883
Hu, L. T., & Bentler, P. M. (1999). Cutoff criteria for fit indexes in covariance structure analysis: Conventional criteria versus new alternatives. Structural Equation Modeling, 6(1), 1-55.
Lee, J. W. C., & Tanusia, A. (2016). Energy conservation behavioural intention: Attitudes, subjective norm and self-efficacy. IOP Conference Series: Earth and Environmental Science, 40(1), Article 012087. https://doi.org/10.1088/1755-1315/40/1/012087
Likert, R. (1961). A technique for the measurement of attitudes. Archives of Psychology, 22(140).
Liu, X., Wang, Q., Wei, H. H., Chi, H. L., Ma, Y., & Jian, I. Y. (2019). Psychological and demographic factors affecting household energy-saving intentions: A TPB-based study in Northwest China. Sustainability, 12(3), Article 836. https://doi.org/10.3390/su12030836
Lopes, J. R. N., Kalid, R. A., Rodríguez, J. L. M., & Filho, S. A. V. (2019). A new model for assessing industrial worker behavior regarding energy saving considering the theory of planned behavior, norm activation model and human reliability. Resources, Conservation and Recycling, 145, 268-278. https://doi.org/10.1016/j.resconrec.2019.03.003
Pollard, C. E. (2015). Applying the theory of planned behavior to individual computer energy saving behavior intentions and use at work. In Twenty-first Americas Conference on Information Systems (pp. 5-18).
Stanly, G. M., & Hopkin, J. (1972). A coefficient of reliability for the assessment of internal consistency. Educational and Psychological Measurement, 32(1), 41-45.