ผลกระทบทางภาษีอากรต่อผู้ประกอบการจากโครงการช่วยเหลือจากภาครัฐในช่วงการระบาดของโควิด-19

บทคัดย่อ

บทความวิชาการนี้ได้ศึกษาและรวบรวมข้อมูลจากกฎหมายที่เกี่ยวข้องของกรมสรรพากรและนโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวกับมาตรการให้ความช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน เสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการให้มีรายได้ในช่วงที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเน้นการสนันบสนุนเศรษฐกิจรากหญ้า และฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม กรมสรรพากรได้ออกกฎหมายมาอย่างต่อเนื่องในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2563 – 2564 เพื่อยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับประชาชนได้เข้าร่วมโครงการ ส่งผลให้ประชาชนทั่วไปไม่ต้องนำเงินได้ที่ได้รับการช่วยเหลือผ่านโครงการต่าง ๆ มารวมเป็นเงินได้พึงประเมินเพื่อยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่กฎหมายดังกล่าวไม่มีผลบังคับใช้สำหรับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ ดังนั้น ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการย่อมถือเป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร และหากได้รับเงินได้พึงประเมินในปีภาษีใดถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ย่อมมีหน้าที่ต้องนำเงินได้พึงประเมินที่ได้รับมายื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือภาษีเงินได้นิติบุคคลแล้วแต่กรณี นอกจากนี้ หากผู้ประกอบการมีรายได้จากการประกอบธุรกิจเกิน 1,800,000 บาทต่อปี ผู้ประกอบการมีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งปฏิบัติตนให้ถูกต้องในฐานะเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย เช่น การออกใบกำกับภาษีให้กับผู้ซื้อ การเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายสินค้าหรือให้บริการ และยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นประจำทุกเดือน เป็นต้น

นอกจากนี้ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบความถูกต้องและครบถ้วนของการยื่นแบบแสดงรายการเพื่อชำระภาษีของกรมสรรพากร อีกทั้งป้องกันปัญหาของผู้ประกอบการที่อาจเกิดขึ้นจากการถูกตรวจสอบภาษีในอนาคต ซึ่งทำให้ต้องมีภาระเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม ค่าปรับ หรืออาจถูกยึดทรัพย์ขายทอดตลาด ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการควรเตรียมตัวให้พร้อมโดยการจัดทำบัญชีรายรับ - รายจ่าย เพื่อบันทึกรายละเอียดการรับเงินและจ่ายเงินประจำวัน รวมทั้งจัดเก็บหลักฐานเอกสารประกอบการบันทึกรายการ เพื่อยืนยันความถูกต้องและครบถ้วนของการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งการจัดทำบัญชีรายรับ - รายจ่าย นอกจากจะมีประโยชน์เพื่อการตรวจสอบภาษีอากรแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อผู้ประกอบการในการวางแผนการจัดการธุรกิจในอนาคต และควบคุมการประกอบธุรกิจในปัจจุบันให้เป็นไปอย่างเหมาะสมในการตั้งราคาขาย การควบคุมต้นทุน และการบริหารเงินสดของกิจการเพื่อไม่ให้ขาดสภาพคล่องได้เช่นกัน