การวิเคราะห์หลักทรัพย์ กรณีศึกษา บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (มหาชน)

Main Article Content

ธนวัฒน์ สุทัศน์ ณ อยุธยา
ภูษิต วงศ์หล่อสายชล

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาตัวแปรที่มีผลต่อมูลค่าของหลักทรัพย์บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) 2) พยากรณ์ผลการดำเนินงาน ฐานะทางการเงิน และอัตราส่วนทางการเงินของบริษัท บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) และ 3) ประเมินมูลค่ากิจการของ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) โดยนำตัวแปรที่เกี่ยวข้องมาใช้ในการพยากรณ์ผลการดำเนินงาน ฐานะทางการเงิน และอัตราส่วนของบริษัทฯ ตั้งแต่ปี 2566 ถึงปี 2570 และประเมินมูลค่ากิจการของบริษัทฯ โดยปัจจัยที่นำมาศึกษา ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) อัตราแลกเปลี่ยน (Exchange rate) อัตราเงินเฟ้อ (Inflation) ราคาทองคำ (gold price) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี ที่มีผลต่อรายได้รวมของ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) โดยใช้วิธีสมการถดถอยพหุคูณ (Multiple Linear Regression)  ด้วยวิธีกำลังสองน้อยที่สุด (ordinary least square : OLS) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษา 6 บริษัท ได้แก่ (1) บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (XPG) (2) บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (Brook) (3) บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) (BYD) (4) บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) (AIRA) (5) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด(มหาชน) (MFC) และ (6) บริษัท บริษัท กรีนเทค เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) (GTV)


          จากการศึกษา พบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อรายได้รวมของ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ได้แก่ ผลจากการทดสอบ Pooled OLS พบว่ามีค่า P-value(F) = 0.000011 ซึ่งมีค่าน้อยกว่า 0.05 แสดงว่าข้อมูลทุกตัวสามารถใช้นำไปใช้ได้กับผลการทดสอบนี้ จากการศึกษาพบว่า มีตัวแปรอิสระ 3 ตัว ที่มีผลต่อรายได้รวมของบริษัทฯ คือ อัตราแลกเปลี่ยน (Exchange rate) เท่ากับ  3.08371 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เท่ากับ 2.03859 และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond) เท่ากับ (0.544464) นัยสำคัญทางสถิติ ณ ระดับความเชื่อมั่น  0.05 ,0.01


จากผลการศึกษาสามารถสรุปได้ว่า หากอัตรามีตัวแปรอิสระ 3 ตัว ที่มีผลต่อรายได้รวมของบริษัท ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน สามารถสรุปได้ว่า หากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 1 % จะทำให้รายได้ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 3.084 % ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) หากอัตรา GDP เพิ่มขึ้น 1 % จะทำให้รายได้ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 2.03% และดัชนีผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี (bond)  หาก bond เพิ่มขึ้น 1 % จะทำให้รายได้ของ บริษัทฯ ลดลง 0.544%  


          การประเมินมูลค่าบริษัทฯ 3 วิธี ประกอบด้วย 1.วิธีการคิดลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow : DCF) โดยการใช้กระแสเงินสดอิสระของกิจการ (Free Cash Flow to the Firm : FCFF) 2.การประเมินมูลค่าหุ้นสามัญด้วยวิธีกำไรคงเหลือ (Residual valuation method) และ 3.วิธี Multiple Comparable พบว่าแต่ละวิธีได้ผลการประเมินมูลค่าบริษัทฯ ที่แตกต่างกัน ผลการประเมินมูลค่าบริษัทฯ วิธีที่ 1. ใช้วิธีคิดลดกระแสเงินสดอิสระ (Discount Cash Flow) หรือ DCF  โดยได้มูลค่าหุ้นสามัญของบริษัท เท่ากับ 8.30 บาทต่อหุ้น วิธีที่ 2. การประเมินมูลค่าหุ้นสามัญด้วยวิธีกำไรคงเหลือเท่ากับ11.89 บาท/หุ้น และ วิธีที่ 3. Multiple Comparable เท่ากับ 8.46 บาทต่อหุ้น โดยวิธีที่มีความเหมาะสมในการประเมินมูลค่าหุ้นสามัญของบริษัทฯ ได้แก่ วิธีการคิดลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow : DCF) เนื่องจากเป็นวิธีที่สะท้อนถึงศักยภาพ และความสามารถในการดำเนินธุรกิจที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีการเติบโตได้ในอนาคต ดังนั้นมูลค่าหุ้นสามัญของบริษัท XPG ที่เหมาะสมเท่ากับช่วง 8.30 – 11.89 บาทต่อหุ้น

Article Details

How to Cite
สุทัศน์ ณ อยุธยา ธ., & วงศ์หล่อสายชล ภ. (2024). การวิเคราะห์หลักทรัพย์ กรณีศึกษา บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (มหาชน). วารสารบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์, 3(1), 110–129. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/RPUBAJOURNAL/article/view/279070
บท
บทความวิจัย