THE DEVELOPMENT OF LEARNING ACHIEVEMENT AND INTERPRETING DATA AND EVIDENCE SCIENTIFICALLY ABILITY FOR GRADE 8 STUDENTS WITH SCIENCE LEARNING MANAGEMENT THROUGH CONTEXT-BASED LEARNING
Main Article Content
Abstract
This research aimed to 1) compare the science learning achievement of grade 8 students before and after learning with science learning management through context-based learning with the set criteria of 80%. 2) compare the interpreting data and evidence scientifically ability of grade 8 students before and after learning with science learning management through context-based learning with the set criteria of 80%. The research sample consisted of 40 grade 8 students studying in the second semester of the academic year 2022 at the Demonstration School of Nakhon Pathom Rajabhat University, obtained by cluster sampling. The research instruments used were: 1) 5 lesson plans though context-based learning 2) a science achievement test and 3) the interpreting data and evidence scientifically ability test. The statistics used for data analysis included mean, standard deviation, and t-test. The findings of the research were as follows 1) The science learning achievement of grade 8 students after learning with science learning management through context-based learning was higher than that of before learning and higher than the set criteria of 80% with statistical significance at .05 level. 2) The interpreting data and evidence scientifically ability of grade 8 students after learning with science learning management through context-based learning was higher than that of before learning and higher than the set criteria of 80% with statistical significance at .05 level.
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
References
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
กฤษฎาวุฒิ ไชยวุฒิ. (2563). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและเจตคติต่อการเรียน วิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬาขอนแก่นมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 8(3), 151-161.
ณัฐมน สุชัยรัตน์. (2558). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามแแนวคิดการสืบสอบโดยใช้แบบจำลองเป็นฐานและแนวคิดการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการให้เหตุผลเชิงวิทยาศาสตร์และการถ่ายโยงการเรียนรู้ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน: จุฬาลงกรณ์ .
ณัฐรินีย์ อภิวงค์งาม. (2554). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐานและการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ทัศตริน เครือทอง. (2553). การเรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างมีบริบท. สสวท, 38(166), 56-59.
ปรียาภรณ์ ดำพะธิก. (2558). การสร้างเครื่องมือประเมินวินิจฉัยสมรรถนะทางด้านวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามแนวคิดการประเมินวินิจฉัยทางปัญญา. วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาวิจัย วัดผล และสถิติการศึกษา มหาวิทยาลัยบูรพา.
ปวันรัตน์ ศรีพรหม. (2562). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐานร่วมกับอินโฟกราฟิกเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องวิทยาศาสตร์และเจตคติต่อวิทยาศาสตร์เรื่องพันธะเคมี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิตสาขาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยนเรศวร.
พรทิพย์ ศิริภัทราชัย. (2556). STEM Education กับการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21. วารสารนักบริหาร, 33(2), 49-56.
พลอยนัดดา ผาบไชย. (2561). การพัฒนาการรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้บริบทเป็นฐาน เรื่อง กรด-เบส สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาเคมี บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนเรศวร.
พัฒนพงษ์ พงษ์จันโอ. (2560). การศึกษาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐาน เรื่องปฏิกิริยาเคมี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
โรสมาวัน อะลีดิมัน. (2556). ความเข้าใจธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ของนักเรียนแผนการเรียน. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. สาขาวิทยาศาสตร์ศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2552). คู่มือวัดประเมินผลวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ: สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2564). เอกสารประกอบการอบรมการจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะทางวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ: สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.
สุพัฒน์ สุกมลสันต์. (2547). การวิเคราะห์ข้อสอบแบบอัตนัยรายข้อ. ภาษาปริทัศน์,21(44-54).
อธิษฐาน บุญเป็ง. (2558). การพัฒนาความสามารถในการนำความรู้ไปใช้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง ปฏิกิริยาเคมีโดยการจัดการเรียนรู้โดยใช้บริบทเป็นฐาน. วารสารศึกษาศาสตร์ปริทัศน์, 30(2),162-172.
Anderson, L.W, & Krathwohl, D.R. (2001). A Taxonomy for Learning, Teaching, and. New York: Longman.
Elmas, R. & Geben, o. (2016). The effect of Context Based Chemistry Instruction on 9thGrade Students’ Understanding of cleaning Agent Topic and Their Attitude Toward Environment. Egitim Ve Bilim, 41,(185).
Goncalo, C & Caroline, D. (2016). What university students think about context-based learning? A case study in an industrial management
course for future engineers. Education editora, 44-45.
Jong, D. (2008). Context-based chemical education: How to improve it? Chemical ducation International, 8(1), 1-7.
Kuhn, J. &. (2014). Context – Base science education by newspaper: A study on motivation and learning effect. Science Direct, 2, 5-21.
llhan, N., Yildirim, A., Yilmaz, S., & Education, S. (2016). The effect of context-based chemical equilibrium on grade 11 students' learning, motivation and constructivist learning environment. International Journal of Environmental, 11(9), 3117-3137.
Mansor, N. S., & Masran, M. N. (2021). 21st Century Strategy Teaching and LearningPDPC in Ibe History Module on Knowledge of Writing Skills for form Six Students. International Journal of Academic Research in Progressive Education and Development, 10(2), 467–473.
Parchmann et al. (2006). Chemie in context : A symbiotic implementation of a context based teaching and learning approach. International Journal of Science Education, 28(9), 1041- 1062.