การอารยะขัดขืนต่อกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมในสังคมไทย: ศึกษาเฉพาะกรณีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7008/2557
คำสำคัญ:
อารยะขัดขืน, คุณลักษณะสำคัญของการอารยะขัดขืน, กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์การอารยะขัดขืนต่อกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมในสังคมไทย: ศึกษาเฉพาะกรณีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7008/2557 ในฐานะคุณลักษณะสำคัญของการอารยะขัดขืน โดยใช้วิธีการวิจัยเอกสารที่ผู้วิจัยได้สังเคราะห์ปฏิบัติการที่เป็นคุณลักษณะสำคัญของการอารยะขัดขืนตามทัศนะของ John Rawls จากการแสดงออก ข้อจำกัด และเงื่อนไขของการอารยะขัดขืน ผ่านการวิเคราะห์เนื้อหาจากเอกสารและการตีความคำพิพากษาตามกรอบแนวคิดที่กำหนดไว้ ผลการวิจัย พบว่า (1) การอารยะขัดขืนต่อกฎหมายกรณีคำพิพากษา
ศาลฎีกาที่ 7008/2557 ที่สอดคล้องกับคุณลักษณะสำคัญของการอารยะขัดขืน ประกอบด้วย (1.1) เป็นการละเมิดกฎหมายหรือตั้งใจจะละเมิดกฎหมาย (1.2) ใช้สันติวิธี (1.3) มีความเต็มใจที่จะรับผลทางกฎหมายของการละเมิดกฎหมายดังกล่าว (1.4) มุ่งเชื่อมโยงกับสำนึกแห่งความยุติธรรมของผู้คนส่วนใหญ่ในบ้านเมือง และ (1.5) มุ่งเชื่อมโยงกับสำนึกแห่งความยุติธรรมซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายและสถาบันทางสังคม และ (2) การอารยะขัดขืนต่อกฎหมายกรณีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7008/2557 ที่ไม่สอดคล้องกับคุณลักษณะสำคัญของการอารยะขัดขืน ประกอบด้วย (2.1) เป็นการกระทำสาธารณะโดยไม่แจ้งให้ฝ่ายรัฐรับรู้ล่วงหน้า และ (2.2) ทำไปแล้วไม่เป็นไปเพื่อเปลี่ยนแปลงกฎหมายหรือนโยบายของรัฐบาล ดังนั้น ผู้ที่คิดจะอารยะขัดขืนควรตระหนักว่าเมื่อได้กระทำลงไปแล้วจะต้องยอมรับผลแห่งการละเมิดกฎหมายว่าอาจถูกลงโทษทางอาญา และควรอารยะขัดขืนในกรณีอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้การอารยะขัดขืนสามารถส่งผลให้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมในสังคมไทยเกิดการแก้ไขเปลี่ยนแปลงขึ้นได้
เอกสารอ้างอิง
จรัญ โฆษณานันท์. (2563). นิติปรัชญา LAW 4107 (พิมพ์ครั้งที่ 21). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ. (2549). กำเนิดและความเป็นมาของสิทธิมนุษยชน. กรุงเทพฯ: คบไฟ.
ประภาส ปิ่นตบแต่ง. (2550). การอารยะขัดขืนของพลเมือง. ใน เอก ตั้งทรัพย์วัฒนา, สิริพรรณ นกสวน สวัสดี และพฤฒิสาณ ชุมพล, คำและความคิดในรัฐศาสตร์ร่วมสมัย เล่ม 1 (หน้า 42-46, พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,
สมชาย ปรีชาศิลปกุล. (2543). สิทธิการอารยะขัดขืนต่อกฎหมาย. กรุงเทพฯ: สถาบันพัฒนาการเมือง.
สิวลี ศิริไล. (2550). การขัดขืนอย่างสงบในสังคมประชาธิปไตย: ทรรศนะทางปรัชญาและบทวิพากษ์เชิงจริยศาสตร์. วารสารราชบัณฑิตยสถาน, 32(1): 58-69.
Butler, J. (2020). The Force of Nonviolence: An Ethico-Political Bind. New York: Verso Books.
Dworkin, R. (1985). A Matter of Principle. Cambridge, MA.: Harvard University Press.
Leiser, B. M. (1979). Liberty, Justice, and Morals. New York: Macmillan.
Rawls, J. (1971). A Theory of Justice. Cambridge, MA.: Harvard University Press.
Scott, J. (1990). A Matter of Record: Documentary Sources in Social Research. Cambridge, UK: Polity Press.
Smart, B. (1991). “Defining civil disobedience.” In H. A. Bedau (Ed.), Civil Disobedience in Focus (pp. 189-211). London: Routledge.
The Editors of Encyclopaedia Britannica. (2024). Civil Disobedience. https://www.britannica.com/ topic/civil-disobedience
Titus, H. H., & Keeton, M. (1966). Ethics for Today (4th ed.). New York: American Book.
Zashin, E. M. (1972). Civil Disobedience and Democracy. New York: The Free Press.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกฎหมายและการเมืองการปกครอง

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ต้นฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารกฎหมายและการเมืองการปกครอง ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ห้ามผู้ใดนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต นอกจากนี้ เนื้อหาที่ปรากฎในบทความเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน ทั้งนี้ไม่รวมความผิดพลาดอันเกิดจากเทคนิคการพิมพ์

