แนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนา วัดพระธาตุดอยคำ ตำบลร่มเย็น อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและข้อมูลบริบทการจัดการท่องเที่ยวของวัดพระธาตุดอยคำ 2) ประเมินศักยภาพการท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาของวัดพระธาตุดอยคำ และ 3) เสนอแนวทางในการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาวัดพระธาตุดอยคำ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมวิธี ประกอบด้วยการวิจัยเชิงปริมาณใช้แบบสอบถามกลุ่มตัวอย่างประชาชน นักท่องเที่ยว ผู้มาปฏิบัติธรรม จำนวน 50 คน ทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพื้นฐาน คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิจัยเชิงคุณภาพโดยการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว จำนวน 10 รูป/คน ทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า 1) วัดพระธาตุดอยคำมีการจัดการท่องเที่ยว 6 ด้าน ได้แก่ (1) ด้านศาสนสถาน มีองค์พระธาตุและพระเจ้าทันใจ เสนาสนะต่างๆ (2) ด้านแหล่งเรียนรู้ มีจิตรกรรมฝาผนังที่สะท้อนประวัติศาสตร์ (3) ด้านการบริหารจัดการวัด มีเจ้าอาวาสเป็นประธานตามภารกิจคณะสงฆ์ทั้ง 6 ด้าน (4) ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก มีป้ายบอกทาง ห้องน้ำ ลานจอดรถ และมุมพักผ่อน (5) ด้านการมีส่วนร่วมกับชุมชน มีการวางแผนและจัดกิจกรรมร่วมกัน และ (6) ด้านกิจกรรมประเพณี มีประเพณีสรงน้ำพระธาตุ และตักบาตรเทโวโรหณะ กินอ้อผญ๋า 2) ศักยภาพการท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนา โดยรวมอยู่ในระดับมาก โดยเรียงลำดับศักยภาพจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านสิ่งดึงดูดใจ ด้านการเข้าถึง และด้านสิ่งอำนวยความสะดวก และ 3) แนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยบูรณาการด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ประกอบด้วย (1) การประชาสัมพันธ์สิ่งดึงดูดใจ ด้วยพละ 4 และสัปปายะ 7 เพื่อพัฒนาสื่อให้เข้าถึงง่ายและสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้และปฏิบัติธรรม (2) การพัฒนาศักยภาพการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว ด้วยปฏิสันถาร 2 เพื่อให้การเดินทางสะดวกและปลอดภัย 3) การยกระดับสิ่งอำนวยความสะดวกและสิ่งแวดล้อม ด้วยสัปปายะ 7 และพละ 4 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ (4) การสร้างกิจกรรมใหม่และความร่วมมือกับชุมชน ด้วยสาราณียธรรม 6 และพละ 4 เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ส่งมาขอรับการตีพิมพ์ในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ จะต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น รวมทั้งผู้เขียนจะต้องคำนึงถึงจริยธรรมการวิจัย ไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง ซึ่งทางวารสารฯ ได้กำหนดความซ้ำของผลงาน ด้วยโปรแกรม CopyCat เว็บ Thaijo ในระดับ ไม่เกิน 25%
ในกรณีที่ บทความวิจัยมีกระบวนการวิจัยเกี่ยวข้องกับมนุษย์ ผู้นิพนธ์จะต้องส่งหลักฐานการรับรองจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์มาประกอบการลงตีพิมพ์ด้วยจึงจะได้รับการพิจารณาลงตีพิมพ์ในวารสาร
ผู้เขียนบทความจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเสนอบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ รวมทั้งระบบการอ้างอิงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ โดยรวมทั้งทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์และวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์
เอกสารอ้างอิง
กรณีย์ ถนอมกุล. (2547). พฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงพุทธของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในจังหวัดสกลนคร. วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
กรมการศาสนา. (2557). แนวทางการดำเนินงาน โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเส้นทางแสวงบุญในมิติศาสนา. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม.
นภาพร หงษ์ทอง และคณะ. (2560). 9 พระธาตุ 9 อำเภอ: จากตำนานสู่การเชื่อมโยงเครือข่ายการท่องเที่ยวทางพุทธศาสนาในจังหวัดพะเยา. รายงานการวิจัย. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
นาคฤทธิ์. (2545). พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับฉะสาง. เชียงใหม่: ลานนาการพิมพ์.
ปิ่นฤทัย คงทอง และคณ, (2561). ศักยภาพทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช ในมุมมองของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ. วารสารราชภัฏสุราษฎร์ธานี. มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี, 5(2), 254-250.
พระครูสุจิณเจติยานุการ (สุทฺธาจาโร/เดชสอน). (2559). วิเคราะห์จริยธรรมของชุมชนในการส่งเสริมการท่องเที่ยววัดพระธาตุผาเงา ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระมหาสุทิตย์ อาภากโร (อบอุ่น) และคณะ. (2556). การพัฒนารูปแบบและกระบวนการจัดการท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทย. รายงานการวิจัย. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.
พระอลงกรณ์ ฐานสิริ (แก้ววิเศษ). (2560). การศึกษาแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงพุทธของวัด พระพุทธรูป 9 ส. ในจังหวัดหนองคาย. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.