แนวทางการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล ตามหลักบุพนิมิตแห่งมรรค 7 เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล 2) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูที่มีต่อคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และ 3) เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล ตามหลักบุพนิมิตแห่งมรรค 7 เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรี การวิจัยนี้เป็นวิจัยแบบผสมวิธีโดยวิธีวิจัยเชิงปริมาณทำการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้บริหารสถานศึกษาและครู จำนวน 269 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนและประมาณค่า ได้ค่าความเชื่อมั่นที่ 0.87 ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test) และ F-test ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพทำการเก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 9 รูป/คน เครื่องมือวิจัยแบบสัมภาษณ์แบบกึ่งมีโครงสร้างทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า 1) ผู้บริหารสถานศึกษาและครูมีความคิดเห็นต่อคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรี โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ทักษะการจัดการข้อมูลและการสื่อสารดิจิทัล รองลงมา จริยธรรมและความรับผิดชอบทางดิจิทัลและต่ำสุด คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในยุคดิจิทัล 2) ผู้บริหารสถานศึกษาและครูที่มีระดับการศึกษา ประสบการณ์การทำงานต่างกัน มีความคิดเห็นต่อคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล ไม่แตกต่างกันและขนาดโรงเรียนต่างกัน มีความคิดเห็นต่อคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ยกเว้นด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบทางดิจิทัล ไม่แตกต่างกัน 3) แนวทางการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล ตามหลักบุพนิมิตแห่งมรรค 7 เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรี ประกอบด้วย (1) การติดตามแนวโน้มและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีการศึกษาคือการสร้างวิสัยทัศน์ในการเรียนรู้ตลอดชีวิต และส่งเสริมการพัฒนาทักษะดิจิทัล โดยใช้หลักบุพนิมิตแห่งมรรค 7 ซึ่งเน้นการมีสติในการเรียนรู้และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม เพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรและนักเรียนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของยุคดิจิทัล พร้อมทั้งสร้างการเรียนรู้ที่มีคุณภาพในทุกระดับอย่างต่อเนื่อง (2) การจัดการระบบฐานข้อมูลของสถานศึกษาคือการใช้หลักบุพนิมิตแห่งมรรค 7 ในการสร้างการจัดการข้อมูลที่มีระเบียบและเป็นระบบ โดยเน้นการมีสติในการรวบรวมและใช้ข้อมูลอย่างรอบคอบ มีการตรวจสอบคุณภาพข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ พร้อมส่งเสริมการพัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อให้การจัดการข้อมูลมีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองต่อการตัดสินใจได้อย่างทันท่วงที (3) การสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมคือการใช้หลักบุพนิมิตแห่งมรรค 7 เพื่อส่งเสริมการมีสติในการมองเห็นโอกาสใหม่ๆ และสนับสนุนการทดลองและการเรียนรู้จากความล้มเหลว โดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างให้กับความคิดสร้างสรรค์ ส่งเสริมการทำงานร่วมกันและการแลกเปลี่ยนความรู้ รวมทั้งให้การสนับสนุนทางทรัพยากรเพื่อกระตุ้นการพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ (4) การส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้านเทคโนโลยีแก่บุคลากร คือการใช้หลักบุพนิมิตแห่งมรรค 7 โดยเน้นการมีสติและความตั้งใจในการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมให้บุคลากรมีความรับผิดชอบในการพัฒนาตนเองและยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งสร้างบรรยากาศที่สนับสนุนการเรียนรู้และการพัฒนาอย่างยั่งยืน (5) การดูแลความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของนักเรียนและบุคลากร คือการใช้หลักบุพนิมิตแห่งมรรค 7 โดยเน้นการมีสติในการจัดการข้อมูลอย่างรอบคอบและระมัดระวัง พร้อมทั้งสร้างการรับรู้และอบรมบุคลากรเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการปกป้องข้อมูล และการตรวจสอบระบบอย่างสม่ำเสมอ
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ส่งมาขอรับการตีพิมพ์ในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ จะต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น รวมทั้งผู้เขียนจะต้องคำนึงถึงจริยธรรมการวิจัย ไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง ซึ่งทางวารสารฯ ได้กำหนดความซ้ำของผลงาน ด้วยโปรแกรม CopyCat เว็บ Thaijo ในระดับ ไม่เกิน 25%
ในกรณีที่ บทความวิจัยมีกระบวนการวิจัยเกี่ยวข้องกับมนุษย์ ผู้นิพนธ์จะต้องส่งหลักฐานการรับรองจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์มาประกอบการลงตีพิมพ์ด้วยจึงจะได้รับการพิจารณาลงตีพิมพ์ในวารสาร
ผู้เขียนบทความจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเสนอบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ รวมทั้งระบบการอ้างอิงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ โดยรวมทั้งทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์และวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์
เอกสารอ้างอิง
กฤษฎาพร ชาพิศร. (2566) ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียนเอกชนเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร. วารสารบริหารการศึกษา มศว, 20(39), 115-126.
คมคาย น้อยสิทธิ์. (2561). ผู้บริหารยุค 4.0. วารสารครุสารสตร์, 46(4), 40-57.
ชัยยนต์ เพาพาน. (2559). แนวคิดทฤษฎีพื้นฐานการเป็นผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21. วารสารการศึกษา, 12(1), 1-9.
ตวงพร รุ่งเรืองศร. (2561). คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้บริหารในศตวรรษที่ 21. วารสารด้านการบริหารรัฐกิจและการเมือง, 7(1), 106-149.
ปฏิธาน มหิเมือง. (2565). การศึกษาคุณลักษณะภาวะผู้นำทางการศึกษาของผู้บริหารยุคดิจิทัล โรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครเชียงราย. การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองการศึกษามหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยพะเยา.
พนิดา รัษฎาเพชร. (2564). คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของข้าราชการครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพัทลุง เขต 2. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยหาดใหญ่.
พระครูใบฎีกาอิทธิพล กิตฺติพโล (พรหมมาพันธุ์). (2563). แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำยุคดิจิทัลตามหลักพุทธธรรมของผู้บริหารสำนักศาสนศึกษาแผนกธรรมสนามหลวงในเขตปกครองคณะสงฆ์ ภาค 1. วารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร, 5(3), 1-17.
มยุรี คำปาเชื้อ. (2553). บุพนิมิตแห่งมรรค 7 นำพาพัฒนาตน. วารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 1(2), 119-134.
วิลาวัลย์ วัชโรทัย. (2564). คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัลของสถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 1 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. วารสารวิชาการคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์์ มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์, 15(ฉบับพิเศษ), 71-72.
วิไล พรมดาว. (2566). คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ, 17(1), 89-102.
ศราวุฒิ ขันคำหมื่น. (2566). คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษายุคประเทศไทย 4.0 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์. วารสารวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 18(1), 51-71.
สัญญา พันพิลา. (2562). ความสามารถด้านดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ. การศึกษาค้นคว้าอิสระศึกษาศาตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรี. (2566). รายงานผลการดำเนินงาน ประจำปีงบประมาณ 2566. สิงห์บุรี: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสิงห์บุรี.
สุภาวดี พรมหทะสาร. (2561). คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผล การบริหารงานในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครพนม. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
อรอนงค์ เทียบอุดม. (2565). คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษามืออาชีพตามทัศนะของครูผู้สอนในโรงเรียนสังกัดกองการศึกษาเทศบาลเมืองมหาสารคาม. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
Cronbach, Lee J. (1971). Essentials of psychological testing. 4 th ed. New York: Harper & Row.
Krejcie, R. V. and Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.
Likert, Rensis. (1967). The Method of Constructing and Attitude Scale in Reading in Attitude Theory and Measurement. New York: Wiley & Son.
Magnuson, W.C. (1971). The characteristics of successful school business managers. Dissertation Abstract International.
Pressel. D.A. (1986). A study of the Relationship Between Personality Factors and Aspiration for Leadership. Dissertation Abstract lnternational.