แนวทางการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารสถานศึกษาตามหลักอิทธิบาท 4 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 2) ศึกษาวิธีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารสถานศึกษาตามหลักอิทธิบาท 4 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 และ 3) เสนอแนวทางการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารสถานศึกษาตามหลักอิทธิบาท 4 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณโดยการใช้แบบสอบถามกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้บริหารและครูผู้สอน จำนวน 226 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ 7 ท่าน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 โดยภาพรวมและรายด้านมีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก คือ บริหารงานวิชาการ บริหารงานทั่วไป บริหารงานบุคคลและบริหารงานงบประมาณ ตามลำดับ 2) วิธีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารสถานศึกษาตามหลักอิทธิบาท 4 เป็นแนวทางการบริหารครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ (1) วิชาการ พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการสอนออนไลน์ วัดผล และอบรมครู (2) งบประมาณ ใช้ระบบบริหารงบแบบบูรณาการและจัดสรรทรัพยากรอย่างเหมาะสม (3) บุคลากร จัดทำฐานข้อมูลออนไลน์ ส่งเสริมเทคโนโลยีบริหารอัตรากำลังและพัฒนาทักษะบุคลากร (4) งานทั่วไป ใช้ระบบรับ-ส่งหนังสือราชการอิเล็กทรอนิกส์ บริหารอาคารสถานที่และพัฒนาเว็บไซต์ประชาสัมพันธ์ แนวทางนี้สอดคล้องกับหลักอิทธิบาท 4 ได้แก่ ฉันทะ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างวิสัยทัศน์และการรับฟังความคิดเห็นของบุคลากร วิริยะ ซึ่งมุ่งเน้นการกำหนดบทบาทหน้าที่และการบริหารงบประมาณ จิตตะ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ และวิมังสา ซึ่งเน้นการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานเพื่อปรับปรุงและพัฒนาการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการบริหารสถานศึกษา 3) แนวทางการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารสถานศึกษาตามหลักอิทธิบาท 4 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 ประกอบด้วย (1) บริหารงานวิชาการ กำหนดแนวทางที่ครอบคลุมรอบด้าน โดยสร้างวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและรับฟังความคิดเห็นของครูและนักเรียนเพื่อให้เกิดความพึงพอใจ (ฉันทะ) จัดสรรงบประมาณและสนับสนุนการพัฒนาสื่อดิจิทัลเพื่อส่งเสริมความขยันหมั่นเพียรในการใช้เทคโนโลยี (วิริยะ) จัดสรรทรัพยากรและพัฒนาทักษะครูอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครูมีความเอาใจใส่ในการนำเทคโนโลยีมาใช้ (จิตตะ) นิเทศ ติดตามและประเมินผลการใช้เทคโนโลยีอย่างเป็นระบบ เพื่อนำผลมาปรับปรุงและพัฒนาต่อไป (วิมังสา) (2) บริหารงานงบประมาณ การมีวิสัยทัศน์ร่วมและการเปิดรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความพึงพอใจ (ฉันทะ) ตามด้วยการมอบหมายงานและจัดสรรงบประมาณเพื่อความเพียร (วิริยะ) การจัดหาเครื่องมือที่เหมาะสมและการพัฒนาบุคลากรด้วยความใส่ใจ (จิตตะ) และปิดท้ายด้วยการติดตามประเมินผลและเผยแพร่เพื่อการพิจารณาปรับปรุง (วิมังสา) (3) บริหารงานบุคคล สร้างความพอใจให้บุคลากรโดยให้มีส่วนร่วมในการกำหนดวิสัยทัศน์ (ฉันทะ) มอบหมายผู้รับผิดชอบและจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอเพื่อให้การดำเนินงานต่อเนื่อง (วิริยะ) จัดหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมและพัฒนาทักษะบุคลากรอย่างต่อเนื่อง (จิตตะ) นิเทศ ติดตาม ประเมินผล และนำผลมาปรับปรุงพัฒนา (วิมังสา) (4) บริหารงานบริหารทั่วไป การสร้างความพอใจและยอมรับการใช้เทคโนโลยีโดยกำหนดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและเปิดโอกาสให้บุคลากรมีส่วนร่วม (ฉันทะ) ทำให้การดำเนินงานเป็นระบบและต่อเนื่องด้วยการมอบหมายหน้าที่และจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสม (วิริยะ) สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการจัดหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมและพัฒนาบุคลากร (จิตตะ) ปรับปรุงและประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานจากการนิเทศติดตามและประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ (วิมังสา)
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ส่งมาขอรับการตีพิมพ์ในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ จะต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น รวมทั้งผู้เขียนจะต้องคำนึงถึงจริยธรรมการวิจัย ไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง ซึ่งทางวารสารฯ ได้กำหนดความซ้ำของผลงาน ด้วยโปรแกรม CopyCat เว็บ Thaijo ในระดับ ไม่เกิน 25%
ในกรณีที่ บทความวิจัยมีกระบวนการวิจัยเกี่ยวข้องกับมนุษย์ ผู้นิพนธ์จะต้องส่งหลักฐานการรับรองจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์มาประกอบการลงตีพิมพ์ด้วยจึงจะได้รับการพิจารณาลงตีพิมพ์ในวารสาร
ผู้เขียนบทความจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเสนอบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ รวมทั้งระบบการอ้างอิงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ โดยรวมทั้งทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์และวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์
เอกสารอ้างอิง
ชนากร ศาสตร์สกุล, บุญเชิด ชำนิศาสตร์ และพระมหาญาณวัฒน์ ฐิตวฑฺฒโน. (2567). พุทธวิธีการบริหารวิชาการในสถานศึกษา. วารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์, 5(3), 723.
ทิพวัลย์ นนทเภท. (2559). การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 3. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชครินทร์ สาขามนุษยศาสตร์, 3(1). 49.
นฤดล มะโนศรี. (2565). การบริหารงานวิชาการตามหลักอิทธิบาท 4 ของผู้บริหารกลุ่มโรงเรียนมัธยมศึกษา สหวิทยาเขตหลักเมืองเลย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเลย หนองบัวลำภู. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ปุณณิฐฐา มาเชค. (2567). การบริหารองค์กรทางการศึกษาในยุคดิจิทัล. ชลบุรี: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต). (2545). ธรรมนูญชีวิต. พิมพ์ครั้งที่ 46. กรุงเทพมหานคร: กรมศาสนา.
พระจิตกร กิตติปญฺโญ (สินอินแก้ว). (2559). การส่งเสริมการบริหารสถานศึกษาตามหลักอิทธิบาท 4 ในสถานศึกษาขั้นฟื้นฐาน อำเภอศรีธาตุ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานีเขต 2. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระสุทธิพงษ์ สุเมธโส (งอกลาภ). (2561). การบริหารสถานศึกษายุค 4.0 ตามหลักอิทธิบาท 4 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 30. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระอภินันท์ กนฺตสโล (สิงมาดา). (2563). การบริหารสถานศึกษาตามหลักอิทธิบาท 4 ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน อำเภอนาดูน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2.วิทยานิพนธ์พุทธศาสตร. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
มิ่งขวัญ อินต๊ะพิงค์ (และคณะ) (2567). การบริหารงานงบประมาณในยุคดิจิทัลของสถานศึกษา กลุ่มการศึกษาสงเคราะห์ สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ จังหวัดเชียงใหม่. วารสารมจรอุบลปริทรรศน์, 9(1), 1,127-1,128.
วรวุฒิ หลำจะนะ และคณะ. (2567). สภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารงานโรงเรียนของผู้บริหารโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพัทลุง. การประชุมหาดใหญ่วิชาการระดับชาติและนานาชาติครั้งที่ 11. แหล่งที่มา https://www.hu.ac.th/conference/proceedings 2020/doc สืบค้นเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2567.
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. (2553). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553. แหล่งที่มา http://www.atg.go.th/law-o3.html สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2567.
สุภัสสรา วันทมาตย์ และพระมหาญาณวัฒน์ ฐิตวฑฺฒโน. (2566). SUPAT Model: รูปแบบการเรียนรู้สู่การพัฒนานวัตกรรมผู้เรียนร่วมกับหลักอิทธิบาท 4 ในศตวรรษที่ 21. วารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 10(2), 519.
Cronbach, Lee J. (1971). Essentials of psychological testing. 4 th ed. New York: Harper & Row.
Kate, M. (2022). Social and academic benefits of looping primary grade students.
Krejcie, R. V. and Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.
Likert, Rensis. (1967). The Method of Constructing and Attitude Scale in Reading in Attitude Theory and Measurement. New York: Wiley & Son.