แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำของบุคลากรในกิจกรรมลูกเสือยุคดิจิทัล ตามหลักอิทธิบาท 4 โรงเรียนในอำเภอนครหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพของภาวะผู้นำของบุคลากรในกิจกรรมลูกเสือยุคดิจิทัล 2) เพื่อศึกษาวิธีการพัฒนาภาวะผู้นำของบุคลากรในกิจกรรมลูกเสือยุคดิจิทัลตามหลักอิทธิบาท 4 และ3) เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำของบุคลากรในกิจกรรมลูกเสือยุคดิจิทัลตามหลักอิทธิบาท 4 โรงเรียนในอำเภอนครหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 เป็นการวิจัยแบบผสมวิธี คือ 1) การวิจัยเชิงปริมาณใช้แบบสอบถามประชากรทั้งหมดที่เป็นครู จำนวน 185 คน ทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2) การวิจัยเชิงคุณภาพใช้การสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 7 รูป/คน ทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพของภาวะผู้นำของบุคลากรในกิจกรรมลูกเสือยุคดิจิทัล โดยรวมอยู่ในระดับมาก สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริหารสถานศึกษาและบุคลากรให้ความสำคัญต่อการพัฒนากิจกรรมลูกเสือและให้ความสำคัญทุกด้าน (1) ด้านความพอใจของบุคลากรในกิจกรรมลูกเสือ บุคลากรในอำเภอนครหลวงมีความพอใจต่อกิจกรรมลูกเสือในระดับมาก โดยให้คะแนนสูงสุดกับการแต่งเครื่องแบบถูกต้อง วุฒิทางลูกเสือ และความเหมาะสมของหลักสูตร (2) ด้านการพัฒนาตนเองของบุคลากร บุคลากรให้ความสำคัญกับการพัฒนาตนเองในกิจกรรมลูกเสือ โรงเรียนสนับสนุนอย่างเป็นระบบ มีค่ายพักแรม ประชุม อบรมและสัมมนา (3) ด้านการพัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ การพัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในกิจกรรมลูกเสือ ช่วยเสริมภาวะผู้นำการคิดวิเคราะห์ และแก้ปัญหา การจัดกิจกรรมเป็นระบบ มีทีมงานและเวลาเรียนที่เหมาะสมและ (4) ด้านการวางแผนติดตามและการประเมินผลการจัดกิจกรรมลูกเสือ มีคณะกรรมการติดตาม ใช้เกณฑ์มาตรฐานและดำเนินงานเป็นระบบ 2) วิธีการพัฒนาภาวะผู้นำของบุคลากรในกิจกรรมลูกเสือยุคดิจิทัล ตามหลักอิทธิบาท 4 มีวิธีการดังนี้ (1) ด้านความพอใจของบุคลากรในกิจกรรมลูกเสือ (2) ด้านการพัฒนาตนเองของบุคลากร (3) ด้านการพัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (4) ด้านการวางแผนติดตามและการประเมินผลการจัดกิจกรรมลูกเสือ พบว่าเปิดโอกาสให้ครูและบุคลากรมีส่วนร่วมในการออกแบบกิจกรรมที่สอดคล้องกับความสนใจและความถนัด (ฉันทะ) การเรียนรู้และฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง (วิริยะ) การจำลองสถานการณ์และกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ (จิตตะ) และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อความแม่นยำ กำหนดเกณฑ์ที่ยืดหยุ่นและเหมาะสมพร้อมสนับสนุนบุคลากรอย่างต่อเนื่อง (อุเบกขา) จะช่วยเสริมสร้างภาะผู้นำของบุคลากรในกิจกรรมลูกเสือเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตและความเป็นผู้นำของผู้เรียนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม 3) แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำของบุคลากรในกิจกรรมลูกเสือยุคดิจิทัลตามหลักอิทธิบาท 4 มีแนวทางดังนี้ (1) ด้านความพอใจของบุคลากรในกิจกรรมลูกเสือ ส่งเสริมการอบรมและการมีส่วนร่วมพัฒนาทักษะผู้นำสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี AR, VR (2) ด้านการพัฒนาตนเองของบุคลากรส่งเสริมการอบรมหลักสูตรลูกเสือพัฒนาทักษะผู้นำและการใช้เทคโนโลยี (3) ด้านการพัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในกิจกรรมลูกเสือ พัฒนาทักษะผู้นำผ่านการฝึกปฏิบัติ ใส่ใจการวางแผนและความปลอดภัย จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ (4) ด้านส่งเสริมการมีใจรักในกิจกรรมผ่านการวางแผนร่วมกัน ติดตามความคืบหน้าด้วยแอปพลิเคชันและแบบประเมินออนไลน์ ใช้เครื่องมือดิจิทัลในการเก็บข้อมูล
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ส่งมาขอรับการตีพิมพ์ในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ จะต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น รวมทั้งผู้เขียนจะต้องคำนึงถึงจริยธรรมการวิจัย ไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง ซึ่งทางวารสารฯ ได้กำหนดความซ้ำของผลงาน ด้วยโปรแกรม CopyCat เว็บ Thaijo ในระดับ ไม่เกิน 25%
ในกรณีที่ บทความวิจัยมีกระบวนการวิจัยเกี่ยวข้องกับมนุษย์ ผู้นิพนธ์จะต้องส่งหลักฐานการรับรองจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์มาประกอบการลงตีพิมพ์ด้วยจึงจะได้รับการพิจารณาลงตีพิมพ์ในวารสาร
ผู้เขียนบทความจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเสนอบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ รวมทั้งระบบการอ้างอิงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ โดยรวมทั้งทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์และวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). คู่มือการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
กอง วิสุทธารมณ์. (2549). อนุสรณ์ในการพระราชทานเพลิงศพ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์เทพนิมิตการพิมพ์.
พระมหาชินกฤต จิรวํโส (รูปสะอาด) (2561). การประยุกต์ใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการจัดการเรียนการสอนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านตูม ตำบลบ้านจันทน์อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระมหาชินกฤต จิรวํโส (รูปสะอาด). (2561). การประยุกต์ใช้หลักอิทธิบาท 4 ในการจัดการเรียนการสอนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านตูม ตำบลบ้านจันทน์อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ศุภฤกษ์ ศิโรทศ. (2561). แนวทางการบริหารงานกิจกรรมลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 5. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์.
สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2551). แนวทางการบริหารจัดการหลักสูตรตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
อดุลย์ วังไชยเลิศ. (2548). สภาพการดำเนินงานกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารีสามัญรุ่นใหญ่ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 35. วิททยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยบูรพา.
Cronbach, Lee J. (1971). Essentials of psychological testing. 4 th ed. New York: Harper & Row.
Krejcie, R. V. and Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.
Likert, Rensis. (1967). The Method of Constructing and Attitude Scale in Reading in Attitude Theory and Measurement. New York: Wiley & Son.