แนวทางการบริหารงานทั่วไปตามหลักสัปปายะ 4 ของกลุ่มโรงเรียนการศึกษาพิเศษ จังหวัดลพบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความต้องการจำเป็นการบริหารงานทั่วไปของกลุ่มโรงเรียนการศึกษาพิเศษ จังหวัดลพบุรี 2) ศึกษาวิธีการบริหารงานทั่วไปตามหลักสัปปายะ 4 ของกลุ่มโรงเรียนการศึกษาพิเศษ จังหวัดลพบุรี 3) นำเสนอแนวทางการบริหารงานทั่วไปตามหลักสัปปายะ 4 ของกลุ่มโรงเรียนการศึกษาพิเศษ จังหวัดลพบุรี การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสมวิธี ประกอบด้วย 1) การวิจัยเชิงปริมาณใช้แบบสอบถามประชากรประชากรทั้งหมดในการวิจัยที่เป็นครู กลุ่มโรงเรียนการศึกษาพิเศษ จังหวัดลพบุรี จำนวน 332 คน ทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพื้นฐาน คือ ค่าร้อยละ ค่าความถี่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2) การวิจัยเชิงคุณภาพใช้การสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 7 รูป/คน ทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์และความต้องการจำเป็นของการบริหารงานทั่วไปของกลุ่มโรงเรียนการศึกษาพิเศษ จังหวัดลพบุรี เรียงลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น คือ ด้านกลุ่มงานระดมทุน ด้านทรัพยากรและงานยานพาหนะ ด้านกลุ่มงานโภชนาการและอนามัย ด้านกลุ่มงานอาคารและสถานที่ ด้านกลุ่มงานอำนวยการประเมินผลการบริหารทั่วไป 2) วิธีการบริหารงานทั่วไปตามหลักสัปปายะ 4 ของกลุ่มโรงเรียนการศึกษาพิเศษ จังหวัดลพบุรี ได้แก่ การจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพให้เหมาะสมต่อการทำงาน การเรียนรู้ และการปฏิบัติภารกิจต่างๆ การบริหารงานในกลุ่มงานระดมทุน ทรัพยากร จัดทำแผนปฏิบัติการที่เหมาะสมกับความต้องการของนักเรียนแต่ละคน เพื่อสนับสนุนงานโภชนาการและอนามัย จัดสภาพแวดล้อมโรงอาหารที่เหมาะสมจัดให้โรงอาหารมีความสะอาด ปลอดภัย สนับสนุนการเรียนรู้ และเอื้อต่อการเรียนรู้การบริหารงานในกลุ่มงานอาคารและสถานที่จัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้การจัดห้องเรียน จัดโต๊ะทำงานและพื้นที่ทำงานที่มีแสงสว่างเพียงพอ อากาศถ่ายเทสะดวก และมีอุณหภูมิที่เหมาะสมการจัดหาทรัพยากรและอุปกรณ์ที่เหมาะสมเพียงพอ 3) แนวทางการบริหารงานทั่วไปตามหลักสัปปายะ 4 ของกลุ่มโรงเรียนการศึกษาพิเศษ จังหวัดลพบุรี ประกอบด้วย โรงเรียนต้องมีการวางแผนกระบวนการดำเนินงานการระดมทรัพยากร มาใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะงานอย่างครอบคลุมครบถ้วน ตรวจสุขภาพประจำปีตรวจสุขภาพร่างกายทั่วไปและโรคที่เกี่ยวข้องกับโภชนาการ สำรวจความต้องการสำรวจความต้องการใช้งานอาคารและสถานที่จากครู นักเรียน และบุคลากร เพื่อจัดลำดับความสำคัญของการใช้งานจัดตารางการใช้งานที่เหมาะสมกำหนดตารางการใช้ห้องเรียน ห้องประชุม สนามกีฬา จัดอบรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะในด้านต่างๆ เช่น การใช้เทคโนโลยี การบริหารจัดการเอกสาร และการติดต่อสื่อสารส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเอง
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ส่งมาขอรับการตีพิมพ์ในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ จะต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น รวมทั้งผู้เขียนจะต้องคำนึงถึงจริยธรรมการวิจัย ไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง ซึ่งทางวารสารฯ ได้กำหนดความซ้ำของผลงาน ด้วยโปรแกรม CopyCat เว็บ Thaijo ในระดับ ไม่เกิน 25%
ในกรณีที่ บทความวิจัยมีกระบวนการวิจัยเกี่ยวข้องกับมนุษย์ ผู้นิพนธ์จะต้องส่งหลักฐานการรับรองจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์มาประกอบการลงตีพิมพ์ด้วยจึงจะได้รับการพิจารณาลงตีพิมพ์ในวารสาร
ผู้เขียนบทความจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเสนอบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ รวมทั้งระบบการอ้างอิงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ โดยรวมทั้งทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์และวารสารบวรสหการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2562). แนวทางการส่งเสริมโภชนาการในสถานศึกษา. กรุงเทพมหานคร: สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา.
ฉัตรชัย ตันตรานนท์. (2562). การศึกษาแนวทางการพัฒนางานบริหารทั่วไปโรงเรียนวชิรวิทย์เชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.
ธีระ รุณเจริญ. (2545). สภาพและปัญหาการบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของสถานศึกษาในประเทศไทย. รายงานการวิจัย. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ.
ประทิน จันทร์ตะละ. (2560). แนวทางการบริหารทั่วไปโรงเรียนพื้นที่สูง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3. การศึกษาอิสระครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย.
พระครูสมุห์ศักดิ์สิทธิ์ ถาวรคุโณ (ขาวใบไม้). (2562). แนวทางการบริหารงานทั่วไปตามหลักพละ 4 สำหรับโรงเรียนประถมศึกษา อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระจีระศักดิ์ จิรสกฺโก. (2554). การบริหารการศึกษาตามหลักหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารโรงเรียนมัธยม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ศุภวรรณ การุญญะวีร์. (2565). การพัฒนาการจัดการแหล่งเรียนรู้ตามหลักสัปปายะ 7 โรงเรียนประถมศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1. ดุษฎีนิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต. มหาวิทยามหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
สมชาย พรมแพง. (2564). บทบาทของผู้บริหารกับการพัฒนาคุณภาพบุคลากรในสถานศึกษา. วารสารการบริหารการศึกษา, 7(2), 47.
สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา. (2550). รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ฉบับลงประชามติ. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา.
สุวรีย์ ศิริโภคาภิรมย์. (2546). การวิจัยทางการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 3. ลพบุรี: สถาบันราชภัฏเทพสตรี.
Cronbach, Lee J. (1971). Essentials of psychological testing. 4 th ed. New York: Harper & Row.
Krejcie, R. V. and Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.
Likert, Rensis. (1967). The Method of Constructing and Attitude Scale in Reading in Attitude Theory and Measurement. New York: Wiley & Son.