แนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของวิสาหกิจชุมชน ในเขตพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) แนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของวิสาหกิจชุมชน อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ และ 2) การเปรียบเทียบแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของวิสาหกิจชุมชน อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ จำแนกตาม เพศ ระดับการศึกษา กลุ่มอาชีพ รายได้ และอายุสมาชิก งานวิจัยนี้เป็นวิธีวิจัยเชิงปริมาณ ใช้เครื่องมือเป็น โดยเลือกแบบเจาะจง กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ สมาชิกของวิสาหกิจชุมชน อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์  จำนวน 400 ตัวอย่าง วิเคราะห์สถิติด้วย ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาณ การวิเคราะห์การเปรียบเทียบ t-test, F-test (one-way ANOVA) และทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่ (Scheffe’s Method) ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างสมาชิกของวิสาหกิจชุมชนส่วนใหญ่เป็นหญิง 41 - 50 ปี สถานภาพสมรส ระดับมัธยมศึกษา อาชีพเกษตรกรรม มีรายได้เฉลี่ย 10,000 - 20,000 บาท เป็นสมาชิกวิสาหกิจชุมชน มากกว่า 4 ปี แนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของวิสาหกิจชุมชน มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง ในด้านการเงิน รองลงมา ด้านการผลิต ด้านการบริหารจัดการ และด้านการตลาด ผลทดสอบสมมติฐานกลุ่มตัวอย่างเป็นชายและหญิงมีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการตลาด (p-value < 0.05) กลุ่มตัวอย่างที่มีระดับการศึกษาแตกต่างกันมีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการตลาด (p-value < 0.05) กลุ่มตัวอย่างที่มีกลุ่มอาชีพแตกต่างกันมีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ การตลาด การผลิต และการเงิน (p-value < 0.05) กลุ่มตัวอย่างที่มีรายได้แตกต่างกันมีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการเงิน และด้านการบริหารจัดการ (p-value < 0.05) และส่วนสมาชิกของวิสาหกิจชุมชนระยะเวลาการเป็นสมาชิกแตกต่างกันมีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการบริหารจัดการ (p-value < 0.05)