ผลการใช้แนวปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด โรงพยาบาลเกาะสมุย
Main Article Content
บทคัดย่อ
ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดแบบรุนแรงส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มขึ้น จึงเป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญของประเทศไทย การวิจัยเชิงพรรณนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการใช้แนวปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดต่อการเกิดภาวะช็อก การเสียชีวิตและระยะเวลานอนโรงพยาบาล ผลของการใช้แนวปฏิบัติและความพึงพอใจของพยาบาลวิชาชีพต่อการใช้แนวปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด โรงพยาบาลเกาะสมุย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แนวปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด แบบบันทึกข้อมูลผู้ป่วยส่วนบุคคล แบบสอบถามพยาบาลวิชาชีพในการใช้แนวปฏิบัติ และแบบสอบถามความพึงพอใจของพยาบาลวิชาชีพต่อการใช้แนวปฏิบัติ มีค่าดัชนีความตรงเชิงเนื้อหา เท่ากับ 1.0 ดำเนินการวิจัยเป็นระยะเวลา 3 เดือน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ จำนวนและร้อยละ และสถิติอนุมาน ได้แก่ Chi -Square และ Fisher’s Exact Test ผลการวิจัยพบว่า ผลการดูแลผู้ป่วยหลังใช้แนวปฏิบัติพบว่าการเสียชีวิตลดลงจากร้อยละ 42.0 เหลือร้อยละ 18.1 พยาบาลวิชาชีพมีการใช้แนวปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอและปฏิบัติเป็นส่วนใหญ่ในการประเมินลักษณะการหายใจ และการให้ยาปฏิชีวนะภายใน 1 ชั่วโมงหลังการวินิจฉัย ร้อยละ 98.7 รองลงมา คือ การประเมิน consciousness และการ Record urine output (urine >0.5ml/kg/hr) ร้อยละ 97.3 และการเจาะเลือดเพาะเชื้อก่อนให้ยาปฏิชีวนะ ร้อยละ 96 พยาบาลวิชาชีพมีความพึงพอใจต่อการใช้แนวปฏิบัติ ทำให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้ตามมาตรฐานวิชาชีพ มีเนื้อหาครอบคลุมสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการดูแลผู้ป่วย และช่วยลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงสาธารณสุข. (2564). อัตราตายผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดแบบรุนแรงชนิด community -acquired. เรียกใช้เมื่อ 25 กันยายน 2565 จากhttp://healthkpi.moph.go.th/kpi2/kpi/index/?id=1448
กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. (2565). รายละเอียด ตัวชี้วัดกระทรวงสาธารณสุข ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2565. เรียกใช้เมื่อ 25 กันยายน 2565 จาก https://www.snmri.go.th/wp -content/uploads/2021/11/รายละเอียดตัวชี้วัด -2565.pdf
ขะธิณยา ศรีแก้ว. (2564 ). ผลลัพธ์ของการพัฒนาการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด งานผู้ป่วยใน โรงพยาบาลด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา. วารสารการพยาบาลสุขภาพและการศึกษา, 4(1), 29 -40.
งานทีมนำทางคลินิกอายุรกรรม โรงพยาบาลเกาะสมุย. (2564). ข้อมูลรายงานการติดเชื้อในกระแสเลือด. จังหวัดสุราษฎร์ธานี: โรงพยาบาลเกาะสมุย.
ฑิตยา วาระนัง. (2562). ผลลัพธ์ของการใช้แนวปฏิบัติการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสโลหิต โรงพยาบาลฝาง จังหวัดเชียงใหม่. เชียงรายเวชสาร, 11(2), 1 -8.
เนตรญา วโรจวานิช. (2561). ประสิทธิผลการใช้แนวปฏิบัติทางการพยาบาลการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ, 12(1), 84 -93.
ประกาศิต เทนสิทธิ์ และคณะ. (2563). ปัจจัยที่มีผลต่อการเสียชีวิตเร็วและช้าในผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลบุรีรัมย์ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์, 35(1), 101 -109.
ประไพพรรณ ฉายรัตน์และสุพัฒศิริ ทศพรพิทักษ์กุล. (2560). ประสิทธิผลของรูปแบบการพยาบาลผู้ป่วยที่มี ภาวะติดเชื้อในกระแสโลหิต. Journal of Nursing and Health Care, 35(3), 224 -231.
สำนักตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข. (2560). KPI 3 อัตราตายผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดแบบรุนแรง แผนการตรวจราชการ กระทรวงสาธารณสุข ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561. เรียกใช้เมื่อ 25 กันยายน 2565 จาก http://healthkpi.moph.go.th/kpi2/kpi -list/view/?id=1448
Amland, R. C., & Hahn -Cover, K. E. (2016). Clinical decision support for early recognition of sepsis. American Journal of Medical Quality, 31(2), 103 -110.
Dellinger, R. P. et al. (2013). Surviving Sepsis Campaign international guidelines for management of severe sepsis and septic shock 2012. Intensive Care Med, 41(2), 165 -228.
Makic, M. B. F. & Bridges, E. (2018). Managing Sepsis and Septic Shock: Current Guidelines and Definitions. The American journal of nursing, 118(2), 34 -39.
Singer M, Deutschman CS, Seymour CW, et al. (2016). The third international consensus definitions for sepsis and septic shock (Sepsis -3). Jama, 315(8), 801 -810.
World Health Organization. (2020). Global report on the epidemiology and burden of sepsis: current evidence, identifying gaps and future directions. Retrieved September 25, 2022, from https://www.who.int/publications/i/item/9789240010789