ปัญหาอำนาจฟ้องและเขตอำนาจศาลคดีสิ่งแวดล้อม ของศาลยุติธรรมและศาลปกครอง

Main Article Content

พิพากษ์ เกียรติกมเลศ

บทคัดย่อ

คดีสิ่งแวดล้อมมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากคดีทั่วไป แต่ปัจจุบันการดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมใช้บังคับตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ทำให้เกิดความไม่เหมาะสมและเป็นธรรม ไม่ทันแก่การเยียวยาแก้ไขหรือฟื้นฟูให้กับผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ในคดีสิ่งแวดล้อมหลายประการด้วยกัน วัตถุประสงค์การวิจัยเรื่องนี้ เพื่อศึกษาปัญหาอำนาจฟ้องคดีแพ่งและคดีปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในเขตอำนาจศาลยุติธรรมและศาลปกครอง และเพื่อศึกษาปัญหาเขตอำนาจศาลคดีสิ่งแวดล้อมของศาลยุติธรรมและศาลปกครองเกี่ยวกับเขตอำนาจศาลที่รับฟ้องที่อาจมีผลทำให้คำพิพากษาขัดแย้งหรือไม่สอดคล้องกัน


          จากการศึกษาพบว่า มีปัญหาการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของคดีสิ่งแวดล้อมที่ผู้เสียหายส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ผู้เสียหายถูกข่มขู่ คุกคามหรือถูกลอบสังหาร เป็นเหตุให้ผู้เสียหายเกิดความเกรงกลัวไม่กล้าต่อสู้คดี ทำให้มีปัญหาการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมคดีสิ่งแวดล้อม ปัญหาการใช้กฎหมายหรือตีความกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจฟ้องทำให้ไม่มีอำนาจฟ้องคดี ปัญหากฎหมายไม่ได้ให้อำนาจรัฐฟ้องคดีแพ่งแทนผู้เสียหายเพื่อคุ้มครองสิทธิคดีสิ่งแวดล้อมที่กระทบต่อประโยชน์สาธารณะ ปัญหาประชาชนขาดความรู้เรื่องสิ่งแวดล้อม ปัญหาขาดแคลนบุคลากรและองค์กรวิชาชีพที่จะช่วยเหลือประชาชนในคดีสิ่งแวดล้อม ปัญหากฎหมายสิ่งแวดล้อมอยู่กระจัดกระจายไม่เป็นระบบทำให้ยากต่อการทำความเข้าใจ ปัญหาค่าธรรมเนียมศาล และปัญหาไม่มีกฎหมายวิธีพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อมบังคับใช้ในการดำเนินคดีสิ่งแวดล้อม ปัญหาดังกล่าวล้วนเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมและการดำเนินคดีสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบกับการคุ้มครองสิทธิของบุคคลในสิทธิสิ่งแวดล้อมที่ดี และกระทบถึงการปกป้องดูแลและรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของสังคม


          ผลการวิจัยครั้งนี้จึงได้เสนอแนะเห็นควรแก้ไขกฎหมายให้พนักงานอัยการมีอำนาจดำเนินคดีแพ่งเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในเขตอำนาจศาลยุติธรรมที่มีลักษณะกระทบต่อประโยชน์สาธารณะโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล และยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในคดีปกครองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงควรมีกฎหมายวิธีพิจารณาความคดีสิ่งแวดล้อมบังคับใช้โดยเฉพาะ เพราะคดีสิ่งแวดล้อมมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากคดีทั่วไป ทำให้การดำเนินคดีมีประสิทธิภาพและสามารถอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม มีความสะดวกและรวดเร็ว รวมทั้งควรมีการปฏิรูปกฎหมายสิ่งแวดล้อมและจัดระบบให้เป็นประมวลกฎหมายสิ่งแวดล้อม

Article Details

How to Cite
เกียรติกมเลศ พ. (2018). ปัญหาอำนาจฟ้องและเขตอำนาจศาลคดีสิ่งแวดล้อม ของศาลยุติธรรมและศาลปกครอง. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 5(3), 568–592. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JMND/article/view/143581
บท
บทความวิจัย

References

กิตติพงษ์ กิตยารักษ์. (2543). กระบวนการยุติธรรมบนเส้นทางของการเปลี่ยนแปลง. บทบาทอัยการในการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์วิญญูชน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15219/2558 (คดีคลิตี้), 15219/2558 (ศาลฎีกา แผนกคดีสิ่งแวดล้อม 30 ธันวาคม 2558).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2136/2525, 2136/2525 (ศาลฎีกา 2525).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 996/2508, 996/2508 (ศาลฎีกา 2508).

คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 259/2554, 259/2554 (ศาลปกครองสูงสุด 6 มิถุนายน 2554).

คิ้วหนา. (20 ธันวาคม 2557). ความตายที่ (ไม่ควร) เงียบงัน. เข้าถึงได้จาก https://myfreezer.wordpress.com/tag/deadly-environment/.

ธานินทร์ กรัยวิเชียร. (2502). การช่วยเหลือทางกฎหมายในต่างประเทศ. วารสารดุลพาห, 1012-1032.

ประพจน์ คล้ายสุบรรณ. (2550). แนวคิดทฤษฎีและหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องในคดีสิ่งแวดล้อม. วารสารวิชาการศาลปกครอง.

วนิดา ว่องเจริญ. (2537). การดำเนินคดีแพ่งของผู้เสียหายจำนวนมาก. วิทยานิพนธ์นิติศาสตรมหาบัณฑิต: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

วรานุช ภูวรักษ์. (2555). หลักสูตรผู้พิพากษาผู้บริหารในศาลชั้นต้น รุ่น 10 สถาบันพัฒนาการข้าราชการศาลยุติธรรม. เอกสารรายงานปัญหาการดำเนินคดีสิ่งแวดล้อมในศาลชั้นต้น.

สุนีย์ มัลลิกะมาลย์และคณะ. (2531). การศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนทดแทนความเสียหายต่อสุขภาพจากมลพิษ. กรุงเทพฯ: คณะนิติศาสตร์ร่วมกับสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมูลนิธิญี่ปุ่น.