ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเครียดของเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับความเครียดในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี 2) เปรียบเทียบความเครียดในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี 3) ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเครียดของเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี และ 4) เสนอแนะแนวทางการลดความเครียดของเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างการวิจัย จำนวน 274 คน เก็บข้อมูลการวิจัยโดยใช้แบบสอบถาม และวิเคราะห์ข้อมูลการวิจัยโดยใช้วิเคราะห์หาค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) การทดสอบความแตกต่างของค่าที (T-Test) การทดสอบค่าเอฟ (F-Test) การวิเคราะห์ความแปรปรวน (One-Way ANOVA) และการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณ (Multiple Regression)
ผลการวิจัย พบว่า 1) ระดับความเครียดในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี พบว่า อยู่ในระดับปานกลาง ( = 3.45, S.D. = 1.26) 2) ผลการเปรียบเทียบความเครียดในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี พบว่า ความเครียดในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ไม่ขึ้นอยู่กับเพศ อายุ การศึกษาและระยะเวลาในการปฏิบัติงานที่ต่างกัน แต่สถานภาพและรายได้เฉลี่ยต่อเดือนที่ต่างกัน มีความเครียดในการปฏิบัติงานแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 3) ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเครียดของเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี พบว่า ปัจจัยด้านการทำงานส่งผลต่อความเครียดในการปฏิบัติงาน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และ 4) แนวทางการลดความเครียดของเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี คือ ควรมุ่งเน้นการปรับปรุงบทบาทภายในองค์กรและการพัฒนาในอาชีพและส่งเสริมความสัมพันธ์และการสนับสนุนทางสังคมในที่ทำงาน เพื่อลดภาระงานและความกดดัน
Downloads
Article Details
รูปแบบการอ้างอิง
ประเภทบทความ
บทความวิจัย (Research Articles)
หมวดหมู่
Copyright & License
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการบริหารการปกครองและนวัตกรรมท้องถิ่น

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กรรณิกา แสงนิลาวิวัฒน์. (2566). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเครียดและการจัดการความเครียดของพนักงาน 1330 Contact Center สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019. [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต], คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
โกวิทย์ นพพร. (2561). Mental health ความเครียดสะสม เสี่ยงฆ่าตัวตาย. โรงพยาบาลสมิติเวช. สืบค้นเมื่อ 3 สิงหาคม 2567, จาก https://www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/ความเครียดสะสม
คริสต์มาส ลิ่มรัตนะกุล. (2566). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเครียดในการปฏิบัติงานของบุคลากรสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา. [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต], คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
แคทลียา รักนุ้ย. (2565). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเครียดในการปฏิบัติงานของพนักงานเทศบาลนครตรัง จังหวัดตรัง. [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต], คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
ประภากร ใจบุญ. (2564). อิทธิพลของลักษณะงานและสภาพแวดล้อมที่มีต่อความเครียดในการปฏิบัติงานของบุคลากรสายวิชาการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น, 18(1), 92–105.
วันทนา เนาว์วัน, และ อารมณ์ เอี่ยมประเสริฐ. (2563). การจัดการความเครียดและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการคุณภาพชีวิตในการทำงาน. วารสารวิทยาการจัดการปริทัศน์, 22(1), 223–232.
ทศพล จักสาน. (2565). ความสัมพันธ์ของภาวะผู้นำและความเครียดในการปฏิบัติงานของพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตอำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
อนันท์ พะละหงษ์, และ ทีปพิพัฒน์ สันตะวัน. (2558). ความเครียดในการทำงานของพนักงานเทศบาลเมืองบางมูลนาก อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร. สาขาวิชาการจัดการภาครัฐแนวใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์.
Cartwright, S., & Cooper, C. L. (1997). Managing workplace stress. Sage Publications.
Cooper, C. L., & Davidson, M. (1987). Sources of stress at work and their relation to stressors in non-working environments. In Psychosocial factors at work and their relation to health (pp. 99–111). World Health Organization.
Futurist NIDA. (2022). แนวโน้มด้านสังคม: ความเครียด. สืบค้นเมื่อ 3 สิงหาคม 2024, จาก https://futurist.nida.ac.th/ความเครียด/
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607–610.
Likert, R. (1932). A technique for the measurement of attitudes. Archives of Psychology, 140, 1–55.