ความต้องการและความกังวลต่อรูปแบบและเนื้อหาด้านสุขภาวะ ที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์สำหรับสตรีวัยทำงาน
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความต้องการและความกังวลต่อรูปแบบและเนื้อหาด้านสุขภาวะที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์สำหรับสตรีวัยทำงาน และ 2) เปรียบเทียบความต้องการและความกังวลต่อรูปแบบและเนื้อหาด้านสุขภาวะที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ของสตรีวัยทำงานที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานที่แตกต่างกัน โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ และวิธีวิจัยเชิงสำรวจกับกลุ่มสำรวจสตรีวัยทำงานที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป จากหน่วยงานราชการ หน่วยงานเอกชน และสถานประกอบการ/โรงงาน ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 1,074 ตัวอย่าง ผลการวิจัยพบว่า 1) สตรีที่ทำงานในหน่วยงานเอกชนมีความต้องการรูปแบบเนื้อหาด้านสุขภาวะแบบวิดีโออะนิเมชั่น ภาพสรุปข้อมูลแบบอินโฟกราฟิก และภาพถ่าย ในขณะที่สตรีที่ทำงานในหน่วยงานภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ และโรงงาน/สถานประกอบการมีความต้องการรูปแบบเนื้อหาแบบข้อความล้วนมากกว่าสตรีที่ทำงานในหน่วยงานเอกชน 2) สตรีที่ทำงานในหน่วยงานเอกชนมีความต้องการข้อมูลด้านสุขภาวะที่แสดงการเปรียบเทียบก่อนและหลัง และการให้ข้อมูลทางการแพทย์ประกอบมากกว่าสตรีที่ทำงานในหน่วยงานภาคภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ และโรงงาน/สถานประกอบการ 3) สตรีที่ทำงานในหน่วยงานเอกชนมีความต้องการเนื้อหาด้านสุขภาวะประเภทให้ความรู้ และการให้คำแนะนำในการปฏิบัติมากกว่าสตรีที่ทำงานในหน่วยงานภาคภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ และโรงงาน/สถานประกอบการ และ 4) สตรีที่ทำงานในหน่วยงานเอกชนมีความกังวลว่าข้อมูลด้านสุขภาวะที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ไม่ถูกต้อง ไม่น่าเชื่อถือ ส่วนสตรีที่ทำงานในหน่วยงานภาครัฐมีความกังวลว่าข้อมูลมีปริมาณน้อยเกินไปและการอาจจะนำไปสู่การละเมิดสิทธิผู้อื่น
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กาญจนา แก้วเทพ, ขนิษฐา นิลผึ้ง และรัตติกาล เจนจัด. (2556). สื่อสาร อาหาร สุขภาพ. กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.).
ทัณฑกานต์ ดวงรัตน์ และกุลทิพย์ ศาสตระรุจิ. (2553). การศึกษาเปรียบเทียบบทบาทในการปฏิบัติงานและบุคลิกภาพของนักประชาสัมพันธ์ระหว่างองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน. วารสารสุทธิปริทัศน์, 24(73), 101-127.
ณัฐกร สงคราม. (2557). การถ่ายภาพ เทคนิคและการนำไปใช้เพื่อการสื่อสาร (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นันทิกา หนูสม และวิโรจน์ สุทธิสีมา. (2562). ลักษณะของข่าวปลอมในประเทศไทยและระดับการรู้เท่าทันข่าวปลอมบนเฟซบุ๊กของผู้รับสารในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารนิเทศศาสตร์, 37(1), 37-45.
ประวีณา พลเขตต์ และเจษฎา ศาลาทอง. (2561). การรับรู้และการรู้เท่าทันสื่อของผู้ชมรายการชัวร์ก่อนแชร์. วารสารการสื่อสารและการจัดการ นิด้า, 4(3), 47-61.
วิรัช ลภิรัตนกุล. (2552). กลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤตและการบริหารภาวะวิกฤต (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ศลิษา วงศ์ไพรินทร์ และบุหงา ชัยสุวรรณ. (2562). กระบวนการคิดเชิงออกแบบผ่านวิดีโอคอนเทนต์ โดยใช้เทคนิคการเล่าเรื่องของเฟซบุ๊กแฟนเพจ Minutevideos Thailand. วารสารนิเทศศาสตร์, 37(2), 86-98.
สมิทธิ์ บุญชุติมา และเกริดา โคตรชารี. (2559). การสื่อสารความเสี่ยง (พิมพ์ครั้งที่ 1). นนทบุรี: 21 เซ็นจูรี่.
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). (2554). คู่มือความสุข 8 ประการในที่ทำงาน HAPPY WORK PLACE. วันที่เข้าถึงข้อมูล 15 กันยายน 2562 แหล่งที่มา https://www.thaihealth.or.th/Content/20757คู่มือความสุข%208%20ประการในที่ทำงาน%20PLACE.html
__________________(2555). สุขภาวะองค์กรคืออะไร. วันที่เข้าถึงข้อมูล 15 กันยายน 2562 แหล่งที่มา https://www.thaihealth.or.th/Content/16872-สุขภาวะองค์กรคืออะไร.html
สุดารัตน์ ดิษยวรรธนะ จันทราวัฒนากุล. (2553). รู้เท่าทัน โซเชียลมีเดีย. ใน ธาม เชื้อสถาปนศิริ (บ.ก.), รู้ทันสื่อ (น. 234-247). กรุงเทพฯ: แผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเด็กและเยาวชน (สสย.).
อนุพงค์ สุจริยากุล, สมิทธิ์ บุญชุติมา และกิรติ คเชนทวา. (2559). การพัฒนารูปแบบสื่อสารความเสี่ยงจากวัณโรคในพื้นที่เสี่ยงวัณโรคดื้อยาหลายขนาน: กรณีศึกษา จังหวัดชายแดนไทย-เมียนมาร์ ปี พ.ศ. 2558. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 25(4), 571-582.
Happy 8 Menu. (2012). วันที่เข้าถึงข้อมูล 15 กันยายน 2562 แหล่งที่มา http://www.happyworkplace.com/index.php/เกี่ยวกับเรา.html
Keller, P. A., & Lehmann, D. R. (2008). Designing effective health communications: A meta-analysis. Journal of Policy and Marketing, 27(2), 117-130.
Lambert, J. (2007). Digital storytelling: How digital media help preserve cultures. The Futurist, 41(2), 25.
Langer, A., Meleis, A., Knaul, F. M., Atun, R., Aran, M., Arreola-Ornelas, H., . . . Caglia, J. M. (2015). Women and health: the key for sustainable development. The Lancet, 386(9999), 1165-1210.
Mainuddin, A., Begum, H. A., Rawal, L. B., Islam, A., & Islam, S. S. (2015). Women empowerment and its relation with health seeking behavior in Bangladesh. Journal of family & reproductive health, 9(2), 65-73.
Mena, P. (2017). Why people share fake news. Retrieved September 15, 2019, from https://www.jou.ufl.edu/insights/people-share-fake-news/
Ofcom. (2017). Children and parents: Media use and attitudes report 2017. Retrieved September 15, 2019, from https://www.ofcom.org.uk/about-ofcom/latest/media/media-releases/2017/children-social-media-fake-news
Ratzan, S. C. (1998). Health communication goals. In A. Franklin (Ed.), The WHO European Health Communication Network Consultation on Health and Environment Communication Policy (pp. 35-39). Moscow, Russia.
Smith, K. H., & Syutts, M. A. (2003). Effects of short-term cosmetic versus long-term health fear appeals in anti-smoking advertisements on the smoking behaviour of adolescents. Journal of Consumer Behaviour, 3(2), 157-177.
Tennant, B., Stellefson, M., Dodd, V., Chaney, B., Chaney, D., Paige, S., & Alber, J. (2015). eHealth literacy and Web 2.0 health information seeking behaviors among baby boomers and older adults. Journal of Medical Internet Research, 17(3). doi: 10.2196/jmir.3992.
Turner, J. W. (2003). Telemedicine: Expanding health care into virtual environments. In T. L. Thompson, A. Dorsey, K. I. Miller & R. Parrot (Eds.), Handbook of health communication (pp. 515-535). New York-London: Lawrence Erlbaum Associates.
Wilson, C., Grizzle, A., Tuazon, R., Akyempong, K., & Cheung, C. (2011). Unifying notions of media and information literacy. Paris: United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization (UNESCO).