กรอบกฎหมายเชิงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเมือง: กรณีศึกษาอุตสาหกรรมการก่อสร้างประเภทที่อยู่อาศัยในเขตนวัตกรรมเมือง กรุงเทพมหานคร
คำสำคัญ:
กรอบกฎหมายเชิงนวัตกรรม; การพัฒนาเมือง; อุตสาหกรรมการก่อสร้างประเภทที่อยู่อาศัย; เขตนวัตกรรมเมืองบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์สภาพปัจจุบันและปัญหาของกรอบกฎหมายปัจจุบัน ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการก่อสร้างประเภทที่อยู่อาศัยในเขตนวัตกรรมเมือง 2) พัฒนากรอบกฎหมายเชิงนวัตกรรมสำหรับการพัฒนาเมือง และ 3) เสนอแนวทางเชิงนโยบาย สำหรับหน่วยงานภาครัฐและผู้เกี่ยวข้อง นำกรอบกฎหมายเชิงนวัตกรรมไปประยุกต์ใช้จริง งานวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิธีแบบผสานวิธี (Mixed Methods) โดยเก็บข้อมูลเชิงปริมาณจากประชากรผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพมหานคร 200 ราย ผ่านแบบสอบถามจากตัวแทนองค์กร จำนวน 150 ชุด จำนวนตัวอย่างกำหนดตามตารางของ Krejcie & Morgan (1970) โดยใช้วิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) และเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพผ่านแบบสัมภาษณ์ด้วยเทคนิคเดลฟาย จากผู้เชี่ยวชาญ 20 คน ทั้งจากภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน
ผลการวิจัยเชิงปริมาณ พบว่า อุปสรรคทางกฎหมายที่สำคัญที่ส่งผลต่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยเชิงนวัตกรรม ได้แก่ กระบวนการขออนุญาตก่อสร้างที่ล่าช้า กฎระเบียบอาคารที่ขาดความยืดหยุ่น และการขาดแรงจูงใจทางภาษีสำหรับโครงการนวัตกรรม ส่วนผลการวิจัยเชิงคุณภาพได้ข้อสรุปเชิงฉันทามติถึงองค์ประกอบสำคัญของกรอบกฎหมายเชิงนวัตกรรม 5 ประการ ได้แก่ 1) การปรับปรุงกฎหมายผังเมืองและอาคารให้มีความยืดหยุ่นรองรับเทคโนโลยีใหม่ 2) การจัดตั้งหน่วยงานบริการเบ็ดเสร็จ (One-Stop Service) ในการออกใบอนุญาตต่าง ๆ 3) มาตรการจูงใจทางการเงินและภาษีสำหรับผู้ประกอบการที่นำนวัตกรรมมาใช้ 4) กลไกความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน และชุมชนในเขตนวัตกรรมเมือง และ 5) การกำกับดูแลแบบ Sandbox ที่เปิดโอกาสให้ทดลองนวัตกรรมภายใต้เงื่อนไขพิเศษในพื้นที่จำกัด กรอบกฎหมายที่พัฒนาขึ้นนี้จะช่วยเร่งให้เกิดการนำเทคโนโลยีและกระบวนการก่อสร้างที่ทันสมัยมาใช้ อันจะนำไปสู่การพัฒนาเมืองนวัตกรรมที่ยั่งยืน
เอกสารอ้างอิง
Bipartisan Policy Center. (2022, April 27). How can construction innovations make housing more affordable? Retrieved from https://bipartisanpolicy.org/report/how-can-construction-innovations-make-housing-more-affordable/
Johnson, R. B., & Onwuegbuzie, A. J. (2004). Mixed methods research: A research paradigm whose time has come. Educational Researcher, 33(7), 14–26.
JPI Urban Europe. (2016). Urban Innovation Zones. Retrieved from https://jpi-urbaneurope.eu/
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607–610.
Kubeczko, K., Haindlmaier, G., Neumann, H. M., & Wagner, P. (2017). Urban Innovation Zones as instruments to support urban transition pathways. Paper presented at JPI Urban Europe Urban Transitions Pathways Symposium: Shaping Common Ground in Urban Sustainability?, Brussels, 27 October 2016. Retrieved from
https://jpi-urbaneurope.eu/news/urban-innovation-zones-as-instruments/
Sourani, A., & Sohail, M. (2014). The Delphi method: Review and use in construction
management research. International Journal of Construction Education and Research, 11(1), 54–76.
The Legal Co., Ltd. (2024, May 8). Thailand’s Eastern Economic Corridor: Regulatory framework and investment opportunities. Lexology. Retrieved from
https://www.lexology.com/library/detail.aspx?g=67879697-041b-480e-a170-8b9d2588217d
Young, A. (2022, April 27). How can construction innovations make housing more affordable? Bipartisan Policy Center. Retrieved from https://bipartisanpolicy.org/report/how-can-construction-innovations-make-housing-more-affordable/
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร พุทธปัญญาปริทรรศน์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.